ร้านอาหารจานด่วนจีนเปิดศึกสู้ต้นกำเนิด

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ร้านอาหารจานด่วนจีนเปิดศึกสู้ต้นกำเนิด

Date Time: 23 ธ.ค. 2566 05:55 น.

Summary

  • ธุรกิจเชนอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศจีนกำลังได้รับการยอมรับในตลาดประเทศไทยอย่างสูง หลายๆแบรนด์ได้ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจ ร้านอาหารบริการด่วน/ร้านอาหารบริการจำกัด (QSR/LSR)

Latest

“จังซีลอน” ส่งแองเจิ้ลบอยฉลองปีใหม่

ธุรกิจเชนอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศจีนกำลังได้รับการยอมรับในตลาดประเทศไทยอย่างสูง หลายๆแบรนด์ได้ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน/ร้านอาหารบริการจำกัด (QSR/LSR)

ที่โดดเด่นที่สุดในขณะนี้ก็คือ Mixue (มี่เสวี่ย) ร้านไอศกรีมและเครื่องดื่มชาผลไม้ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่ผ่านมา สาขาแรกที่รามคำแหง จนถึงปัจจุบันขยายสาขาไปแล้วมากกว่า 200 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมกับแผนขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เป็น 2,000 สาขา นับเป็นการเติบโตที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง

Mixue มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน ได้เข้าไปเปิดตลาดแล้วมากกว่า 11 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย, เวียดนาม, ลาว, สิงคโปร์, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และไทย เป็นต้น มีมากกว่า 30,000 สาขา มีเครือข่ายสาขามากที่สุดในโลกเป็นลำดับที่ 4 รองจากต้นกำเนิดธุรกิจ QSR/LSR ที่มาจากสหรัฐฯ คือแมคโดนัลด์ ที่มีสาขามากที่สุดในโลกกว่า 40,000 สาขา

Mixue เกิดจากร้านขายน้ำแข็งไสเล็กๆ ในเมืองเจิ้งโจวเมื่อปี 2540 โดย “จางหงเฉา” เริ่มต้นธุรกิจอย่าล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะตั้งหลักได้ใช้เวลาหลายปี มีความตั้งใจที่จะเปิดร้านเครื่องดื่มและของหวานที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย ราคาเหมาะสม เหตุผลที่สามารถขยายสาขาได้เร็วก็คือได้ลงทุนสร้างโรงงาน ลงทุนระบบโลจิสติกส์ขึ้นมาเพื่อบริการการกระจายวัตถุดิบถึงเครือข่ายสาขาได้รวดเร็ว

ขณะที่ทำเลที่ตั้งมักจะอยู่ใกล้แหล่งสถานศึกษาและชุมชน ทำให้ลูกค้าของแบรนด์นี้ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา

ในตลาดประเทศไทย Mixue ได้รับความนิยมสูงอย่างรวดเร็วกับไอศกรีมที่อร่อย มีรสชาติหลากหลายเครื่องดื่มชาผลไม้ ชานมไข่มุก พร้อมกับโปรโมชันที่น่าสนใจ ที่สำคัญราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 15-50 บาท กับภาพลักษณ์ดูเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มีตัว Snow King เป็นมาสคอตโดยมีสโลแกนของแบรนด์ว่า “ฉันรักคุณ และคุณก็รักฉัน เหมือนขนมหวานใน Mixue”

เมื่อมองย้อนกลับไปตลาด QSR/LSR ในประเทศจีนปัจจุบัน นับเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีการคาดการณ์ตลาดในปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 5.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมูลค่า 18.8 ล้านล้านบาท สูงกว่าตลาดสหรัฐฯซึ่งต้นกำเนิดเดิมคาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่ารวมกัน 3.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 13.6 ล้านล้านบาท

โดยมีเคเอฟซีเป็นร้านอาหาร QSR/LSR เข้าไปเปิดตลาดเป็นรายแรก เมื่อปี 2530 นอกเหนือจากการเสิร์ฟเมนูหลักไก่ทอดแล้วได้พัฒนาเมนูให้เหมาะกับผู้บริโภคชาวจีนและใช้วัตถุดิบ หลักในประเทศ อาทิ เมนูโจ๊ก,ปีกไก่ซีอิ๊วหรือแซนด์วิชกุ้ง มีการลงทุนทางเทคโนโลยีการชำระเงินแบบไร้เงินสดจนถึงปัจจุบันเคเอฟซีจีนมีเครือข่าย เกือบ 10,000 สาขา ตามด้วยแมคโดนัลด์ มีสาขากว่า 5,400 สาขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีมานี้กระแสของร้านอาหาร QSR/LSR ของคนจีนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และท้าทายการครอบงำของเครือข่ายร้านอาหารจากตะวันตก สาเหตุหนึ่งมาจากผู้บริโภคชาวจีนนิยมรับประทานอาหารที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและรสนิยมของตนมากขึ้น สิ่งนี้นำไปสู่การเกิดขึ้นของเครือร้านอาหาร ฟาสต์ฟู้ด ในท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ และกำลังเป็นคู่แข่งที่ร้านอาหารจากตะวันตกต้องเกรงขาม

เช่น ร้านฮัวลายชิ (Wallace) ร้านอาหารจานด่วนที่มีเครือข่ายมากที่สุดในจีนมีมากกว่า 20,000 สาขา เสิร์ฟเมนูไก่ และเบอร์เกอร์ที่มีรสชาติถูกปากคนจีน และมีราคาถูกกว่าร้านคู่แข่งจากตะวันตก พร้อมกับโมเดลธุรกิจเป็นร้านขนาดเล็กที่ร่วมมือกับพนักงานและผู้ร่วมทุนทำให้ขยายสาขาได้รวดเร็ว

ร้าน Dicos มีกว่า 4,000 สาขา เสิร์ฟเมนูไก่ทอด และแฮมเบอร์เกอร์ มีราคาถูกกว่าเคเอฟซีและแมคโดนัลด์ เป็นทางเลือกให้ลูกค้า อีกทั้งใช้วัตถุดิบรสชาติเผ็ด เปรี้ยว หวาน พร้อมเมนูใหม่ๆมานำเสนอตลอด มีเป้าหมายขยายให้ถึง 10,000 สาขาใน 2 ปีข้างหน้า ร้าน Real Kung Fu เสิร์ฟเมนูข้าวหน้าหมู และอีกหลายๆแบรนด์ที่กำลังเดินหน้าขยายอย่างหนักหลังจากการชะงักจากผลกระทบวิกฤติโควิดที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ร้าน Luckin Coffee เชนร้านกาแฟจากจีน เสิร์ฟเครื่องดื่มที่ใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงจากภูมิภาคต่างๆ ผสมผสานกันจากหลายประเทศ รวมทั้งเครื่องดื่มและขนมอื่นๆ เช่น Exfreezo ที่ผสมกาแฟกับผลไม้ และเค้กชิส เป็นต้น ลูกค้าสามารถสั่งและชำระเงินผ่านแอปของร้านได้เลย ขยายสาขาเร็วมากเพราะกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ราคาที่เหมาะสม การให้บริการสะดวกสบายจำนวน 13,273 สาขา ในจีนและสิงคโปร์

หลายๆแบรนด์จากจีนได้เตรียมเดินหน้าเปิดตลาดในไทยและในภูมิภาคอาเซียน ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไลฟ์สไตล์เปิดรับสิ่งใหม่ๆ แบรนด์ใหม่ๆ ตั้งตารอว่าจะพร้อมมาให้ลิ้มรสชาติเมื่อไรกัน.

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตลาดนัดหัวเขียว” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ