หากพูดถึง “ภาคเกษตรไทย” เปรียบเสมือนเส้นเลือดอีกหนึ่งสายที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก จากข้อมูลการทำสำมะโนการเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนประชากรในภาคเกษตรมากถึง 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งรองรับแรงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ซึ่งการเติบโตของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรที่สูงในปีที่ผ่านมา ก็ได้รับอานิสงส์มาจากปัจจัยดังกล่าวแทบทั้งสิ้น หากพูดง่ายๆ คือ ส่วนหนึ่งมาจาก คนรุ่นใหม่ย้ายกลับถิ่นฐาน และส่วนหนึ่งหันไปทำการเกษตรมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังขาดแคลนแรงงาน จึงจำเป็นต้องนำเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาช่วยอุดช่องว่าง ขณะเดียวกันฝั่งภาครัฐได้หันมายกระดับเกษตรกรไทยผ่านโครงการต่างๆ มากขึ้น และสุดท้ายค้าพืชผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพ มีผลผลิตดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ชีวิตการเป็นอยู่ดีขึ้น
จากข้อมูลพบว่าภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยปี 2566 เพิ่มขึ้น 11% และ GDP ภาคการเกษตรมีการขยายตัว 2.5% ในขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในกัมพูชา และ สปป.ลาว เติบโตเพิ่มขึ้น 8% เป็นผลจากรัฐบาลส่งเสริมการผลิตพืชผลการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้น
ลอร่า โอเวอร์ออล รองประธานอาวุโสฝ่ายการสื่อสารของ CNH Industrial เปิดเผยว่า ซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล (CNH Industrial) ในฐานะผู้ผลิตเครื่องจักรการเกษตรอันดับสองของโลก ดำเนินธุรกิจด้วยจุดมุ่งหมายที่ “กล้าที่จะแตกต่าง” (Breaking New Ground) ที่มีพนักงานรวมกันกว่า 40,000 คนทั่วโลก และมีสำนักงานอยู่ใน 170 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งในด้านความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของประเทศไทยในฐานะที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาค และการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์ Case IH และ New Holland ในเอเชียบริษัทมุ่งเน้นไปที่ยุทธวิธีการดำเนินธุรกิจ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความยั่งยืน เป็นสำคัญ
โดยความสำเร็จของบริษัทจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ลูกค้าและพันธมิตรประสบความสำเร็จ ทั้งนี้วิสัยทัศน์ของเราคือการขับเคลื่อนมูลค่าให้กับลูกค้าผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถใช้งาน ดูแลรักษาเครื่องจักร และให้ความรู้ทางด้านการเกษตรที่ช่วยเพิ่มผลผลิต และมีความยั่งยืน เป็นมิตรต่อโลก รวมถึงการทำ CSR อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ตลาดเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับภาคการเกษตร (Agricultural tractor) จะเห็นได้ว่า Brand New Holland มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 19.06% (Jan 2022-June 2023) ส่วนแบรนด์ CASE IH นั้นเราถือเป็นเบอร์ 1 สำหรับรถที่ใช้ในการเพาะปลูกไร่อ้อย ขณะเดียวกันภาพรวมทั่วโลกในปี 2022 เรามีรายได้รวม 23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับประเทศไทย ซึ่ง CNH ได้เลือกให้เป็น “ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค” ด้วย 3 เหตุผลสำคัญได้แก่
ส่วนรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งเครื่องแรกของโลกเป็นอย่างไรนั้น ลอร่า อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นรุ่นที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยเพิ่งเปิดตัวรุ่นต้นแบบที่บราซิลเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยแนวคิดนี้เริ่มต้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วโดยเกิดจากฟีดแบ็กของลูกค้า ที่คุณลักษณะเด่นของรุ่นนี้คือ เมื่อเคลื่อนย้ายผู้พิการที่ใช้วีลแชร์ให้เข้าสู่ที่นั่งคนขับ ซึ่งจะมีไฮดรอลิกยกขึ้นจากระดับพื้นไปสู่ระดับที่นั่งคนขับ และเมื่อถึงระดับนั้นตัวที่นั่งจะสามารถพับเก็บแบบอัตโนมัติ
รวมทั้งการขับเคลื่อนรถที่ปกติต้องอาศัยคันเร่ง เบรก คลัชต์ จะถูกปรับไปสู่การใช้มือเพื่อบังคับแทน การพัฒนารุ่นดังกล่าวจะเป็นแบบ Retrofit platform นั่นหมายถึงว่า หากในอนาคตจะเพิ่มฟังก์ชันอื่นๆ ก็จะเป็นการ add on equipment ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่หมด ทั้งนี้การใช้อุปกรณ์ต่างๆ จะอาศัยหลักสรีรศาสตร์ (ergonomic) เข้ามาช่วย การออกแบบนั้นจะอาศัยข้อมูลจากผู้ที่นั่งรถวีลแชร์เพื่อรับรู้ถึงประเด็น และอุปสรรคต่างๆ ที่ต้องเผชิญ
ขณะเดียวกันมองการเติบโตทางด้านนี้ในไทยอย่างไรบ้างนั้น ลอร่า มองเห็นโอกาสทั้งในประเทศไทยและในตลาดอื่นๆ หากมีความต้องการ (demand) แต่เนื่องจากรถแทรกเตอร์ดังกล่าวที่มีการโมดิฟายด์ให้เข้ากับการใช้งานของผู้พิการครึ่งท่อนล่าง ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า จึงต้องรอให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง
ส่วนกลุ่มลูกค้าจะมีทั้งกลุ่มองค์กร และรายบุคคล โดยกลุ่มลูกค้า New Holland นั้นส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นรายบุคคล ในขณะที่รถตัดอ้อย Case IH นั้นกว่า 60% เป็นลูกค้าองค์กร สำหรับกลยุทธ์หลักจะเน้นไปที่ การพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า (Customer inspired) โดยได้มีการวางตัวเองเป็น High end agricultural tractor ซึ่งไม่ใช่ Mass โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม ความยั่งยืน เข้ามาช่วย รวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นที่เชื่อมต่อกับระบบ Smart farming เพื่อให้ชาวไร่ ชาวสวน เกษตรกรผู้เพาะปลูกลงแรงน้อย แต่ได้ผลผลิตมาก
“การตั้งเป้าหมายการเติบโตคือ การผู้นำตลาดในแต่ละเซ็กเมนต์ผ่านการพัฒนานวัตกรรมสู่แนวทางใหม่ โดยเรามุ่งมั่นที่จะช่วยลูกค้าทลายข้อจำกัดที่มีอยู่ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง ซึ่งเรามุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการกับเกษตรกรให้พื้นที่ พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา Specific Solutions เพื่อ Unlock Value สร้างความยั่งยืน นอกจากนี้ “รถแทรกเตอร์” ของเรายังสานต่อแนวคิด Zero carbon เนื่องจากใช้พลังงานทางเลือกในการขับเคลื่อน อาทิ ก๊าซมีเทน รวมไปถึงไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทางเลือกด้วยเช่นกัน” ลอร่า กล่าว
เมื่อเทรนด์โลกเปลี่ยนสู่การเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farm ในฐานะผู้เล่นที่เห็นโอกาสตรงจุดนี้ จะต้องเร่งสปีดเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และฐานลูกค้าที่มีผู้เล่นเจ้าตลาดอยู่ก่อนหน้านี้ ผ่านการสร้างจุดเด่น และการเข้าถึงผู้บริโภคด้วยจุดแข็งที่แตกต่าง อย่างการเป็นรถแทรกเตอร์ที่ไม่ใช่แค่ “คนทั่วไป” เท่านั้นจะใช้ได้ แต่ยังรวมไปถึงผู้พิการด้วยเช่นกัน ก็นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะทำให้ CNH Industrail กลายมาเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่น่าจับตามองในตลาดเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับภาคการเกษตรของไทยอีกรายหนึ่งเลยก็ว่าได้