หากพูดถึง “ซอสพริกศรีราชา” แน่นอนว่าหลายคนคงจะมีติดบ้านอย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็นซอสที่กินกับอะไรก็ได้ แถมรสชาติยังถูกปาก ถูกจริตคนไทยด้วยกันเป็นอย่างดี จึงทำให้ชื่อของซอสพริกศรีราชากลายเป็นที่ขนานนามของคนไทยด้วยกัน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาลิ้มรส และด้วยช่ือเสียงเรียงนามบวกกับรสชาติที่ดูเหมือนจะติดตรึงนี้ ทำให้สปอตไลต์ได้ส่องไฟมาที่ซอสไทยอย่างซอสพริกศรีราชา จนได้มีโอกาสโตไกลถึงต่างแดน และหนึ่งในชื่อแบรนด์ผู้ผลิตที่อยู่ในลิสต์นั้นคงหนีไม่พ้น Exotic Food หรือ XO ซอสพริกศรีราชาแบรนด์ไทย ที่ฝรั่งต้องมีติดบ้าน
ดังนั้นหากกล่าวถึง บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง เครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย นั้นเริ่มก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปัจจุบันที่กำลังจะก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 25 ซึ่งมียอดขายจากการส่งออกเกือบ 100% โดย XO เกิดจากความตั้งใจของ 2 พี่น้อง คุณคิด-จิตติพร จันทรัช และคุณยุ้ย-วาสนา จันทรัช ที่ต้องการให้ทุกคนได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทย เรียกได้ว่าจะอยู่หนแห่งไหน ก็สามารถหาซื้อหาไปทำทานที่บ้านได้จาก local supermarket ในประเทศต่างๆ ได้อย่างแสนสะดวกและง่ายดาย
โดยทางด้าน คุณจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีแรกเดินหน้าทะลุเป้าหมาย หลังแผนขยายไปยังตลาดใหม่สำเร็จ จึงปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดจะเติบโตมากกว่า 20% จากปี 2565 อยู่ที่ 1,480 ล้านบาท จากเป้าเดิมในช่วงต้นปีวางไว้เติบโต 10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GP) มากกว่า 40%
สำหรับไฮไลต์การเติบโตในครึ่งปีแรก จะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาส 2/2566 หลังจาก XO เดินหน้า นำสินค้ากลุ่มซอสพริกเปิดตลาดใหม่ที่ทวีปอเมริกาเหนือได้สำเร็จ และได้ผู้แทนจำหน่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก ซึ่งเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว และเห็นออเดอร์ที่เข้ามาชัดเจน ส่อแววทำนิวไฮใหม่ในไตรมาส 2/2566 ขณะที่ปริมาณขายกลุ่มลูกค้าหลักที่ยุโรปซึ่งมีสัดส่วน 81.8% เติบโตต่อเนื่องตามการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด สนับสนุน ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2566 อัตราการใช้กำลังผลิตขึ้นแตะระดับ 69% และสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 นอกจากนี้ ได้รับผลบวกจากการปรับเพิ่มราคาขายสินค้า
พร้อมกับการคุมต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การควบคุมต้นทุน พริก กระเทียม และน้ำตาล สามารถล็อกราคาได้ในระดับที่ดีไปจนถึงกลางปี 2567 แม้ราคาวัตถุดิบอย่างน้ำตาลจะมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ไม่กระทบต้นทุนของ XO มากนัก เนื่องจากบริษัทใช้น้ำเชื่อมในการผลิตด้วย
ทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้ XO สามารถเจาะตลาดที่อเมริกาสำเร็จนั้น เห็นได้ชัดคือหลังจากที่โควิด-19 จบ ก็ได้มีการเริ่มออกงานแสดงสินค้าต่อเนื่อง เพื่อโอกาสในการเจอลูกค้ารายใหม่ และได้พบลูกค้าซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ที่อเมริกาที่ได้เข้ามาชมงานแสดงสินค้า Thaifex 2022 ในปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงที่เข้ามาเซอร์เวย์ในงาน ลูกค้าได้ชิมซอสหลากหลายบูธภายในงาน Thaifex และแน่นอนว่าลูกค้าเลือก XO ด้วยเพราะความเข้มข้นของเนื้อซอสที่มีพริกเข้มข้น รูปแบบการทำฉลากด้วยดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น รวมทั้งได้รับการรับรองจากมาตรฐานระดับสากล และเราก็ได้ทำตลาดในยุโรปจนประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงทำให้แบรนด์กลายเป็นหนึ่งใน First impression นั่นเอง แม้ว่าราคาซอสของจะแพงกว่าบูธอื่นก็ตาม แต่ด้วยคุณภาพ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ลูกค้าเลือกสั่งสินค้ากับ XO
โดยที่เริ่มสั่งสินค้าประมาณ 10-20 ตู้แรกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ยตู้ละประมาณ 800,00-1,000,000 บาท เพื่อเริ่มขยายไปในทวีปอเมริกาเหนือ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปีนี้ (2566) จนปัจจุบันออเดอร์ก็ต่อคิวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดขายจากทวีปอเมริกาในสิ้นปีน่าจะขึ้นไปแตะสัดส่วน 10% ของยอดขายทั้งหมดหรือมากกว่า 180 ล้านบาท นับเป็นความสำเร็จที่จากก่อนหน้านี้ XO แทบไม่มียอดขายจากอเมริกาเลย ยิ่งอเมริกาเหนือยอดขายคือ 0%
“ขณะเดียวกันหากกลับไปมองที่เจ้าตลาดซอสพริกในอเมริกาอย่าง บริษัทฮุย ฟง (Huy Fong) ของเวียดนาม ผู้ผลิตซอสพริกศรีราชาตราไก่ ที่ยึดหัวหาดอเมริกาด้วยยอดขายมากกว่า 4,000 ล้านบาท ประสบปัญหาขาดแคลนพริกในปีก่อน (2565) ทำให้ไม่มีสินค้าขายในหลายเดือน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราคิดว่าเป็นโอกาสบุกเข้าไปทำการตลาดได้”
ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าใหญ่อย่างฮุยฟงจะกลับมาในเดือนกันยายน 2565 และเริ่มกลับมาวางจำหน่าย แต่ยอดขายของ XO ก็ไม่ได้ลดลงเลย นั่นเท่ากับว่า XO สามารถทำเจาะตลาดได้ในที่สุด เขาเล่าต่อไปว่าได้มีการคุยกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลว่าที่เลือก XO นั้น ไม่ใช่เพราะฮุยฟงขาดตลาด แต่เป็นเพราะเขาต้องการทำตลาดอย่างจริงจัง และผู้แทนจำหน่ายเจ้าดังกล่าวไม่ใช่ผู้แทนจำหน่ายที่ขายให้ฮุยฟงมาก่อน และที่เลือก XO เพราะเห็นโอกาสที่จะเข้ามานั่นเอง
และแน่นอนว่ารสชาติซอสของ XO และซอสของฮุยฟงไม่เหมือนกัน เพราะพริกมาจากคนละที่ ซึ่งของ XO มาจากพริกประเทศไทย มีความเข้มข้น ทำให้เป็นโอกาสให้คนที่มาลิ้มลองซอสสามารถติดใจได้ ซึ่งถือเป็น Personal taste แบบหนึ่ง
จิตติพร ฉายภาพว่าด้วยความที่ XO มั่นใจในเรื่องของคุณภาพ ซอสพริกเข้มข้นกว่าแบรนด์อื่นๆ และมุ่งเน้นในเรื่องการตลาด และดีไซน์ที่สวยงาม โดดเด่น ทันสมัย สร้างการจดจำ และ Brand awareness ภายใต้ภาพลักษณ์ “สินค้าไทยของคนไทย วัตถุดิบพริกจากประเทศไทย” จึงไม่แปลกที่จะดึงดูดผู้บริโภคทั้งจากประเทศไทยด้วยกันเอง และต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ส่วนงบลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ 40 ล้านบาท ซึ่งก็มีการใช้ไปพอสมควร โดยหลักๆ จะเป็นการลงทุนในโรงย้อมพริก
ขณะที่ทางด้านกิจกรรมการตลาดและการออกงานแสดงสินค้าในปีนี้จัดทำต่อเนื่อง คาดปีนี้ XO ร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้ามากกว่า 24 งาน พร้อมบุกช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เพื่อสร้างการรับรู้ในสินค้า และเพิ่ม Brand Awareness ขณะที่ในด้านกิจกรรมเพื่อสังคม XO ได้จัดกิจกรรมพิเศษ เปิด 2 เมนูคอลแลปส์ นำซอสพริกศรีราชาตราห่านบิน (Flying Goose) X โอ้กะจู๋ จัดทำแคมเปญ “ห่านบินบินกลับไทย Summer landing ห่านบินชวนกินผัก ทำความดี กับ โอ้กะจู๋” เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งสนับสนุนโครงการระบบน้ำหยดใช้ในการปลูกพริกปลอดสาร กลับคืนสู่ต้นน้ำผู้ผลิต และร่วมสนับสนุนให้เกษตรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน และเพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลองซอสไทยที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลก ขณะเดียวกัน
อย่างไรก็ดีหากเปรียบ XO เป็นดั่งต้นไม้ที่กำลังเติบใหญ่ ผลิดอกออกผลงอกงาม และกำลังจะขยายผลผลิตออกไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น เรื่องการเพิ่มฐานกำลังในการผลิต เพื่อให้มีโอกาสผลิตสินค้าที่มากขึ้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ XO ตัดสินใจ ซื้อที่ดินเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมในการเติบโตในอนาคต โดย XO ได้ลงทุนซื้อที่ดิน 40 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง สำหรับเตรียมสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 4 โดยหลักๆ จะเป็นการผลิตสินค้าประเภทซอส เครื่องแกง อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม ซึ่งคาดเริ่มก่อสร้างภายในกลางปี 2567 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต ผลักดันซอสไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง