อาหารญี่ปุ่น หนึ่งในเมนูยอดนิยมของอาหารที่คนไทยชื่นชอบและนิยมรับประทาน ด้วยเหตุผลที่ชื่นชอบด้วยความคุ้นเคยในรสชาติความอร่อย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ผู้คนมองว่าชาวญี่ปุ่นที่มีอายุยืนยาวกว่าผู้คนทั่วโลกหลักๆมาจากการรับประทานอาหารเป็นหลัก จึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยผุดขึ้นมามากมายดังเป็นที่ทราบกันดี
หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด–19 มาจนถึงขณะนี้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่กลับมาเฟื่องฟูได้ในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด แต่ก็นับว่าใกล้เคียง เราจึงเห็นการเร่งปรับกระบวนทัพและการขยายธุรกิจไปในหลากหลายโมเดลธุรกิจเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้กลับเข้ามาเที่ยวไทยกันคึกคักในปีนี้น่าจะทะลุเป้าหมายเพิ่มเป็น 11 ล้านคน ในปีหน้าเป้าหมายของรัฐจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่ผ่านมามีจำนวนเพียง 500,000 คนเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่มีกำลังซื้อสูงจะเข้ามาช่วยเพิ่มเติมให้ตลาดขยายตัวเร็วมากขึ้น
จากข้อมูลผลสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ระบุว่า ร้านอาหารญี่ปุ่น หรืออาหารที่ดัดแปลงเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเมนูอาหารญี่ปุ่นเกินครึ่งหนึ่งของเมนูทั้งหมด และ ร้านอาหารที่จัดที่นั่งสำหรับลูกค้าแบบถาวรในไทย 5,325 ร้านทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 955 ร้าน หรือ 21.9% จากปี 64 ที่มี 4,370 ร้าน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจปี 50 โดยในกรุงเทพฯ มีมากที่สุด 2,394 ร้าน ต่างจังหวัด 2,147 ร้าน และ 5 จังหวัดปริมณฑล 784 ร้าน สำหรับร้านที่ปิดกิจการในช่วงโควิด-19 ได้กลับมาเปิดกิจการใหม่แล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ปิดกิจการถาวร ทำให้ร้านที่ปิดกิจการชั่วคราวลดลงเหลือ 105 ร้านในปีนี้ จากปี 64 อยู่ที่ 231 ร้าน
ทางด้านบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาดมาต่อเนื่องให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รุกธุรกิจในทุกแพลตฟอร์มเพื่อสร้างตัวเลขยอดขายให้เติบโตมากขึ้น พร้อมกับออกโมเดลธุรกิจและแบรนด์ใหม่มาตลอด ล่าสุดได้กลับมาเปิดตัว “โออิชิ แกรนด์” (OISHI GRAND) รูปโฉมใหม่
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือโออิชิ กล่าวว่า โออิชิไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้ดีขึ้นมาตลอด การกลับมาเปิด “โออิชิ แกรนด์” บนพื้นที่ใหม่ โซน ฟู้ด พาสสาจ ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ได้เปลี่ยนแปลงฟอร์แมตจากเดิมที่เป็นบุฟเฟต์อินเตอร์ที่มีเมนูอาหารญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ได้เน้นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นเต็มรูปแบบมุ่งเน้นการนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคหลังโควิด
จุดเด่นของ “โออิชิ แกรนด์” ก็คือการนำเสนออาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมด้วยวัตถุดิบเน้นความสดใหม่ ความหลาก หลายของอาหารที่มีคุณภาพ อาทิ ซูชิสารพัดหน้าคุณภาพระดับโอมากาเสะ และปลาดิบที่แล่ชิ้นใหญ่กินเต็มคำนำเข้าจากตลาดปลาประเทศญี่ปุ่น รวม 200 เมนู ครอบคลุมแทบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น อาทิ ซูชิ ซาชิมิ ดงบุริ เทปปันยากิ ยากิโมโนะ อาเกะโมโนะ นาเบะ สุกี้ยากี้ เป็นต้น
ด้วยบริการ 3 ระดับ 1.พรีเมียม กับซูชิระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ ชิ้นโตและอีก 140 รายการ ราคาคนละ 1,059 บาท++ 2.แพลทินัม เพิ่มเมนูพิเศษ อาทิ ซูชิโฮตาเตะย่างซอสอูนิ ยากินิคุเนื้อวากิว หอยเชลล์ซอสมิโสะย่างใบโฮบะ รวม 190 รายการ ราคาคนละ 1,659 บาท++ 3.เพรสทิจ เมนูพิเศษ ซูชิชูโทโร่คาเวียร์ กุนกันอูนิเนกิโทโร่คาเวียร์ ยากินิคุเนื้อวากิวญี่ปุ่น A4 รวม 200 รายการ ราคาคนละ 2,659 บาท++ รับประทานภายใน 2 ชั่วโมง
“รูปแบบของการบริการโออิชิแกรนด์ใช้วิธีเมดทูออเดอร์ให้ลูกค้าหลายรูปแบบ สั่งผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด แท็บเล็ตที่ไลน์อาหารและเมนู โดยมีไลน์อาหารพร้อมให้ตักเพียง 10% เท่านั้น ต่างจากเดิมที่ปรุงพร้อมสำเร็จให้ลูกค้าเลือกตักได้ทันที ซึ่งจะเป็นการบริการแบบวินๆ ลูกค้าได้รับประทานอาหารสดใหม่ ขณะเดียวกันก็ลดความสูญเสียอาหารบนไลน์บุฟเฟต์ ทางโออิชิได้ตั้งเป้า Zero Food Waste ภายในปี 2030 ที่ผู้บริโภคในยุคนี้มีความเข้าใจเป็นอย่างดี ขอแค่เริ่มต้นการรับรู้สัก 50% และเริ่มต้นไปด้วยกัน” นางนงนุชกล่าว
การกลับมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียมของโออิชิด้วยการลงทุนเพียง 20 ล้านบาทสำหรับการตกแต่งร้านพร้อมอุปกรณ์เทคโนโลยีครบครัน ทางโออิชิมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะไม่เพียงแต่เป็นการสร้างแบรนด์ในตลาดพรีเมียม ยอดขายที่รอการเติบโตในวันที่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนจีนกลับมาท่องเที่ยว ซึ่งศูนย์การค้าสยามพารากอนนับเป็นจุดเช็กอินอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ
กลับมาจับจ่ายใช้สอยกันคึกคักเหมือนก่อนโควิดอีกครั้ง.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th