S&P มั่นใจปิดปี 65 รายได้เติบโตตามเป้า หลังยอดขายเบเกอรี่ อาหาร พุ่ง พร้อมปรับกลยุทธ์ต้อนรับทุกเทศกาล
นางภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SNP กล่าวว่า หากย้อนไปเมื่อปี 2516 ครอบครัวของเราทั้ง 5 คน ได้เปิดร้านอาหารและไอศกรีมเล็กๆ ชื่อร้าน S&P ที่ซอยสุขุมวิท 23
ผ่านไปอีก 4 ปี S&P จึงเริ่มทำเบอเกอรี่ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 7 ได้เปิดสาขา 2 ที่สยามสแควร์ ทำให้ S&P เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเริ่มขยายธุรกิจโดยการเปิดสาขาในศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวที่แรก จากนั้นก็เปิดที่เดอะมอลล์ในเวลาต่อมา
เนื่องในโอกาสครบรอบ 49 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 เอส แอนด์ พี จึงจัดงานเฉลิมฉลองส่งความสุขส่งท้ายปี ด้วยความอร่อยของสินค้าต่างๆ ทั้งขนมเค้ก คุกกี้ ขนมอบ เบเกอรี่ เครื่องดื่มบลูคัพ และสินค้าของร้านในเครือ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าที่สนับสนุนเรามาอย่างยาวนาน
นายวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SNP กล่าวว่า เราภูมิใจเป็นอย่างมากที่แบรนด์ เอส แอนด์ พี เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเสมอมา โดยสิ่งยึดมั่นมาตลอดระยะเวลา 49 ปี ของการดำเนินธุรกิจ คือหลัก 3 คุณ ได้แก่ คุณภาพ คุณค่า และคุณธรรม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์บริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
ปัจจุบันมีร้าน เอส แอนด์ พี และแบรนด์ในเครือกว่า 462 สาขาทั่วประเทศ อาทิ ภัทรา, พาทิโอ, แกรนด์ซีไซด์, ไมเซน, อุเมะโนะฮานะ และ SNP Cake Studio นอกจากนี้ยังมีสาขาในต่างประเทศรวม 13 สาขา โดยอยู่ในยุโรป 7 สาขา และเอเชีย 6 สาขา
ขณะเดียวกัน S&P ยังมีได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคทั้งอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มบลูคัพ ให้มีความทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการ และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
มั่นใจยอดขายเติบโตตามเป้า
นายอรรถ ประคุณหังสิต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการธุรกิจ SNP กล่าวว่า ผลประกอบการช่วง 3 ไตรมาสของปี 65 เติบโตสูงกว่าปี 64 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดขายเฉพาะไตรมาส 3/65 เติบโตมากกว่า 40% และเราเชื่อว่าปิดปี 65 นี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงที่ผ่านมา เรามีมีสินค้าใหม่ๆ ให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี รวมถึงมีการรีโนเวทร้านค้าเอสแอนดพีใหม่ทั้งหมด 170 จุด และเราพบว่าหลังรีโนเวทแล้วสามารถกระตุ้นยอดขายเติบโตขึ้น 20%
นอกจากนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคับของบริษัทก็สามาถทำบยอดขายได้เติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในช่วงเทศกาลปีใหม่เราก็มีเทศกาลเค้กและคุ้กกี้ก็จะช่วยกระตุ้น ยอดขายที่เราตั้งไว้ 50% ในปีนี้แน่นอน
นายอรรถ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาต้นทุนการผลิตหลายชนิดมีการปรับราคาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แป้งน้ำตาล เนย หรือแม้กระทั้งปลาแซลมอน ซึ่งเวลาซับพลายจะปรับราคาจะมีการแจ้งล่วงหน้า เราก็มีการสั่งจองไว้ก่อนเพื่อบริหารต้นทุน
นอกจากนี้ประเด็นเรื่องแพ็กเกจจิ้งก็ช่วยคุมต้นทุนได้ เช่น เทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่เดิมเราใช้กล่องเหล็ก แต่ปีนี้เราใช้กระดาษ ก็ช่วยคุมราคาได้เป็นอย่างดี แต่หากต้นทุนบางอย่างยังสูง เราก็อาจจะต้องปรับราคาสินค้า แต่นี่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เราจะทำ เพื่อให้กระทบกับผู้บริโภคกระทบน้อยที่สุด
ในปี 66 นั้นเราจะเน้นเติบโต 2 ทางทั้งสินค้าเทศกาล โดยไตรมาสแรกเราจะเน้นตรุษจีน แต่เดิมจะมีแต่ขนม แต่ในปีหน้านี้จะมีอาหารต้อนรับตรุษจีนด้วย ซึ่งจะเน้นขายช่องทางในร้าน และเดลิเวอรี่มาขึ้น ส่วนที่สองเราจะพัฒนาเบเกอรี่มาร์ทด้วยการเพิ่มอาหารที่อุ่นทานได้ทันที รวมถึงการโครงการทำแฟรนไชส์ในปี 2567 อีกด้วย.