เบโค ชูโรงงานที่ระยองเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าส่งออกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สหรัฐอเมริกา แอฟริกา แคนาดา และยุโรป พร้อมเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภค
นายอุทกู บาริช พาซาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านกลยุทธ์และงานดิจิทัล บริษัท อาร์เซลิก หรือ Arçelik กล่าวว่า Beko หรือ เบโค เป็นหนึ่งในสามแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดใหญ่ในยุโรป ภายใต้เครือ อาร์เซลิก ด้วยรากฐานความแข็งแกร่งทางธุรกิจทำให้เราครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักที่เราเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลในอนาคต
โดยเฉพาะในประเทศไทย ด้วยศักยภาพการผลิตและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราจึงเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคของผลิตภัณฑ์ Beko เราทุ่มงบประมาณลงทุนฐานผลิตโรงงานในประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท หรือประมาณ 166 ล้านเหรียญยูโร
ปัจจุบันกำลังการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของเราคือ 600,000 หน่วยต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 750,000 หน่วยภายในปี 2024 ซึ่งกำลังการผลิตนี้ช่วยเอื้อประโยชน์ให้เราสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงสหรัฐอเมริกา กลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ และยุโรป ได้อย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ด้วยวิสัยทัศน์เคารพโลก เพื่อเป็นที่เคารพทั่วโลก เราจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนแก่โลกอย่างต่อเนื่อง ผ่านการวิจัยและพัฒนา โดยมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพพลังงานและน้ำ การใช้วัสดุรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ล่าสุด เราจึงลงทุนพัฒนาตู้เย็นระดับพรีเมียมที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่โรงงานระยอง โดยใช้งบประมาณลงทุนในโครงการดังกล่าวราว 130 ล้านบาท หรือประมาณ 3.5 ล้านยูโร เช่น เทคโนโลยีจำลองการสังเคราะห์แสงอาทิตย์ 24 ชั่วโมง ด้วยแสง 3 สีแห่งสุขภาพในช่องแช่ผักผลไม้ช่วยคงคุณค่าวิตามินของผักผลไม้ให้นานยิ่งขึ้น
รวมถึงระบบระบายความร้อน AeroFlow มาใช้ คุณสมบัตินี้ช่วยให้รักษาความสดได้ยาวนานขึ้น 30% และช่วยให้ผักผลไม้ลดการสูญเสียปริมาตร ยังคงความสดได้ยาวนาน รวมถึง NutriFreeze ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเพื่อรับรองตัวเลือกการแช่แข็งแบบอ่อนในช่องผลิตภัณฑ์นม
เครื่องทำน้ำแข็งอัตโนมัติ หรือ Auto-Ice Maker ที่รองรับการผลิตน้ำแข็งได้ถึง 2.7 กก. FreshGuard ช่วยกำจัดกลิ่นและแบคทีเรียได้ถึง 90% ด้านหลังเป็นแผ่นโลหะ เพื่อเสริมความพรีเมียม ด้านข้างยังมีช่องขนาดใหญ่สำหรับขวดขนาดแกลลอน ที่สำคัญตู้เย็นเครื่องนี้ยังมีระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตั้งปรับอุณหภูมิเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยอีกด้วย
นายแอเรียล อทากูล ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เบโค ไทย จำกัด กล่าวว่า เราดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 8 ปี และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวใจของเราสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คือ ตู้เย็น ซึ่งมียอดขายมากกว่า 40% รองลงมาจะเป็นเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน และเตาอบ
ทั้งนี้ ในปี 2022 ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคนเนื่องจากผลกระทบของโควิด แต่เรายังคงทำยอดขายได้เติบโตเฉลี่ยที่ 25% และพร้อมตั้งเป้าหมายสำหรับปีหน้าให้สูงขึ้น เราวางแผนที่จะเพิ่มการเติบโตทางธุรกิจขึ้นอีกสองเท่าภายในปี 2024
นอกจากนี้ รูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค และทำให้พวกเขามีความรู้สึกมั่นใจกับการซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะฐานลูกค้าในกลุ่ม GenZ ที่กำลังเติบโตและจะกลายมาเป็นผู้ที่ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ส่งผลให้แบรนด์ต้องวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกซื้อที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาบนแพลตฟอร์มดิจิทัล.