"คชเชอร์" ปั้น "อีสฟิลด์" สู่ทุกช่องทาง

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"คชเชอร์" ปั้น "อีสฟิลด์" สู่ทุกช่องทาง

Date Time: 27 ส.ค. 2565 05:40 น.

Summary

  • กรณีศึกษาของการเริ่มทำแบรนด์ใหม่เพื่อรุกตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มซึ่งนับว่าเป็นตลาดปราบเซียน ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา สร้างผลกระทบให้กับธุรกิจจำนวนมาก

Latest

จากเด็กชอบคอมพิวเตอร์สู่ "iHAVECPU" จากทุน 4 หมื่นสู่ยอดขาย 1,800 ล้านบาท

กรณีศึกษาของการเริ่มทำแบรนด์ใหม่เพื่อรุกตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มซึ่งนับว่าเป็นตลาดปราบเซียน ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา สร้างผลกระทบให้กับธุรกิจจำนวนมาก แต่แบรนด์ อีสฟิลด์ (East Field) สามารถแจ้งเกิดและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ปีแรกทำยอดขายผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีทะลุ 1 ล้านกล่องไปเรียบร้อย

จุดเริ่มต้นบริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด จำกัด บริษัทของคนไทยแท้ 100% ดำเนินธุรกิจการตลาดนำเข้านมผง ชาเขียว โก้โก้ กลุ่มวัตถุดิบอาหาร สินค้าครบตอบโจทย์ทุกความต้องการของคู่ค้า กลุ่มธุรกิจ OEM การออกแบรนด์คิวไลฟ์ (Q Life) เพื่อทำตลาดผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ด ซึ่งเป็นนมโคแท้ 100% ผ่านคิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษีจับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มตลาดใหญ่ รวมทั้งการขยายการจำหน่ายผ่านทางช่องทางโมเดิร์นเทรดจับกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย

จนถึงปัจจุบัน บริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด จำกัด นับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์นม (Dairy Product) ภายใต้การบริหารของ “กมลรัตน์ แพเพชรทอง” ซีอีโอสาว ที่สะท้อนการสร้างแบรนด์ในยุคการแพร่ระบาดได้อย่างน่าสนใจและพร้อมจะต่อยอดขยายทิศทางหลังจากโควิดได้อย่างไร

“กมลรัตน์” กล่าวว่า การทำตลาดนมอัดเม็ดขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนช่วงก่อนโควิด ยอดขายดีมากๆเราเป็นพันธมิตรกับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ซึ่งเป็นผู้ผลิตให้กับผลิตภัณฑ์นมหลายแบรนด์ดังในประเทศไทย เราได้พัฒนารสชาติจนเป็นที่ถูกปากกับนักท่องเที่ยว แต่เมื่อโควิดมานักท่องเที่ยวจีนไม่มา เลยหันไปจับนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนและอินเดียซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก

“จนถึงขณะนี้แม้ชาวจีนยังไม่มาแต่ยอดขายเริ่มฟื้นตัวได้ไม่ถึง 50% ก่อนเกิดโควิด และมั่นใจจะกลับมาดีเหมือนก่อนเกิดโควิด ขณะเดียวกันเราอยู่ในธุรกิจผลิตภัณฑ์นม มีองค์ความรู้มากพอเลยวางแผนจะขยายฐานใน ไลน์นี้ออกไปในกลุ่มนมพร้อมดื่มยูเอที ที่ใช้วัตถุดิบน้ำนมดิบแท้ 100% จุดเด่นผ่านกรรมวิธีเฉพาะในการสกัดนม เราคัดน้ำนมดิบเพียง 8% ผลิตออกมาเป็นนมโคแท้ มีโปรตีนและไขมันที่ดีที่สุด ไม่ผสมนมผง รสชาตินัวและรีชที่สุด พัฒนาให้มีคุณภาพสร้างแบรนด์ใหม่ให้มีความแข็งแรงต่อไป”

นมพร้อมดื่มยูเอชที แบรนด์ อีสฟิลด์ เริ่มวาง ตลาดในปี 2564 ที่ผ่านมา 2 รสชาติ คือรสจืด ต้นตำรับหรือออริจินัล และฟรีแลคโตส ที่เหมาะสำหรับเด็กที่ดื่มนมวัวแล้วท้องอืด ท้องเสีย แต่รสชาติและสารอาหารครบถ้วน ตอบโจทย์นมเพื่อสุขภาพทางเลือก

“กมลรัตน์” กล่าวว่า การทำตลาดในช่วงโควิดมีความจำเป็นต้องเริ่มไปในช่องทางออนไลน์เกือบ 100% ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากช่องทางออฟไลน์แทบจะไม่มีใครเปิด เข้าถึงกลุ่มนิวเจนหรือคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ เลือกสรรสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง นับว่าสร้างเซอร์ไพรส์มาก ได้รับฟีดแบ็กโดยตรงจากผู้บริโภค บรรดาคุณแม่ที่ระบุว่าเดิมลูกดื่มนมยาก บางคนไม่ดื่มเลย พอมาทดลองแล้วดื่มได้มากขึ้น และบอกต่อกัน ทำให้เรามีแรงและกำลังใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

หลังจากได้รับตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคช่องทางออนไลน์ ได้ขยายช่องทางสู่ออฟไลน์ ผลักดันกิจกรรมโรดโชว์ เตรียมยุทธการป่าล้อมเมือง ศึกษาการทำตลาดผ่านการรับรู้จากกลุ่มลูกค้าวัยเรียน กลุ่มห้างร้านท้องถิ่น โดยในไตรมาสที่สามของปีนี้ วางจำหน่ายเรียบร้อยกับอุดรอาชา หรืออาชากรุ๊ป ร้านค้าส่งขนาดใหญ่ชั้นนำระดับจังหวัดอุดร และกำลังเตรียมจัดอีเวนต์ อีสฟิลด์แฟร์...แชร์ความอร่อย ในต้นเดือนกันยายนที่มีการจัดขึ้นที่ห้างเซ็นทรัลภูเก็ต ในวันที่ 3-4 ก.ย.2565 เป็นกิจกรรมเปิดตัวนมอีสฟิลด์ เพื่อกระจายการรับรู้ให้เป็นที่รู้จักในภาคใต้

ส่วนช่องทางสู่โมเดิรน์เทรดได้ขยายตลาดเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ Lotus’s, Tops, Gourmet, Villa, Foodland และ Jiffy ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. 150 สาขา พร้อมกับตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีเป็น 40% และ 60% กลุ่มผลิตภัณฑ์นมผงและเดรีโปรดักส์และจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% กับเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาทในปีหน้า

สำหรับกลุ่มผลิต ภัณฑ์นมผง และกลุ่มสินค้าเดรีโปรดักส์ ผลิต ภัณฑ์ประเภทนมผง นมผงขาดมันเนย ผงโกโก้ ผงชาเขียว เน้นความมีมาตรฐานสากล เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ดีที่สุด โดยมีมาตรฐานในการคัดเลือกซัพพลายเออร์ จากต่างประเทศ สินค้านำเข้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นำเข้าจาก ประเทศนิวซีแลนด์ อเมริกา และในส่วนของขนมขบเคี้ยวแบรนด์ดังนำเข้าจากประเทศ ที่ทางบริษัทเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้มีการนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย เกาหลี และญี่ปุ่น จะยังคงเพิ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้บริโภค

“กมลรัตน์” กล่าวว่า มีความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจบริษัทหลังจากที่เจอสายการผลิตจากโรงงานอยู่ในภาวะช็อกจากผลกระทบของเงินเฟ้อและต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่ในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ปกติแล้ว ส่วนกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานเพิ่มอีก 1.50 บาท/กก. อยู่ในขั้นตอนของการรับทราบมติ และได้เตรียมคุยกับฝ่ายการตลาด ทีมเซลล์ ในเรื่องของราคา โดยยังอยากคงไว้ที่ราคาเดิมคือ อีสฟิลด์ กล่องทอง รสออริจินอล กล่องละ 14 บาท และอีสฟิลด์ กล่องม่วง รสแลคโตสฟรี กล่องละ 18 บาท ยังคงเป็นมาตรฐานและอยากให้ลูกค้าจับต้อง ให้แบรนด์อีสฟิลด์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ขณะที่ความท้าทายในการทำตลาดขั้นต่อไปของแบรนด์อีสฟิลด์ จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่และรสชาติใหม่ๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เพิ่มเติม เพื่อการเติบโตในทุกช่องทางจำหน่ายสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจ.

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ