ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ พรีเมียมฟู้ดสโตร์แห่งแรก

เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง กิจกรรมทางธุรกิจเริ่มฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอาร์ซี ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก ได้เดินหน้ารุกขยายธุรกิจครั้งใหญ่

โดยเฉพาะธุรกิจซุปเปอร์มาร์เกตและฟูดสโตร์ภายใต้แบรนด์ “ท็อปส์” กับการเปิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งมักจะได้เห็นถึงการออกมาตั้งนอกพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคตามชุมชนและพื้นที่ต่างๆ ตอบโจทย์การเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่เข้าไปเปิดให้บริการ

ล่าสุดซีอาร์ซีได้ประกาศเปิดให้บริการท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ (Tops Food Hall) ย่านสุขุมวิท 39 ด้วยการลงทุนถึง 150 ล้านบาท ด้วยการยกระดับการเป็นฟู้ดสโตร์ระดับโลกแห่งแรกในรูปแบบสแตนอะโลน บนพื้นที่ 4,800 ตารางเมตร จำนวน 2 ชั้น พื้นที่จอดรถกว่า 100 คัน

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือซีอาร์ซี กล่าวว่า ในยุคที่ผู้คนต่างมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจการให้บริการ คือ ต้องไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบทุกโจทย์ความต้องการแบบเหนือความคาดหมาย และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริง พร้อมสร้างสีสันให้กับตลาดฟู้ดรีเทลในประเทศไทยที่ปัจจุบันมีการแข่งขันสูง

โดยโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ล่าสุดจะให้ผู้บริโภคที่อยู่ในย่านทำเลใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ชั้นใน สุขุมวิท 39 ซึ่งอยู่ในโซนที่พักอาศัยของนักธุรกิจชาวไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มีกำลังซื้อสูงได้สัมผัสประสบการณ์กับความอร่อยระดับพรีเมียมจากทั่วโลก พร้อมกับตั้งเป้าเป็นจุดเช็กอินเพื่อนบ้านหลังใหม่ของชาวสุขุมวิท ที่สามารถตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบไฮเอนด์ ทั้งการทำงาน กิน เที่ยว ช็อปปิ้งไว้อย่างครบ ครันในที่เดียว

นายสเตฟาน คูม กล่าวว่า พรีเมียมฟู้ดสโตร์แห่งนี้ถูกออกแบบเรียบหรูสไตล์มินิมอลโทนสีขาว ครีม ผนังกระจกโดยรอบทั่วทั้งอาคาร ตัดสลับกับระแนงไม้ ภายในเพดานสูงโปร่ง สร้างความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน

“ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ สาขาใหม่ล่าสุดจะนำเสนอ อาหารคุณภาพระดับพรีเมียมจากทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกกว่า 28,000 รายการ สินค้านำเข้าจากทั่วโลกพร้อมโซนสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นที่ครบครันด้วยการคัดสรรความอร่อยตลอดฤดูกาลกับผักและผลไม้สด เนื้อสัตว์ อาหารทะเล โซนอาหารนานาชาติปรุงสดใหม่หลากสไตล์จากเชฟมืออาชีพ รวมทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่ม 15 แบรนด์ดังสัญชาติไทยและนานาชาติที่เข้ามาช่วยเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตพร้อมกิน ดื่ม ช็อป ตลอดทั้งวัน”

นอกจากนี้พบกับแบรนด์เอกซ์คลูซีฟ 159 แบรนด์จาก 25 ประเทศ โดยจัดแบ่งสินค้าในรูปแบบคอนเซปต์โซนช่วยให้สะดวก ง่ายต่อการเลือกซื้อสินค้า

นับเป็นอีกโมเดลธุรกิจที่รุกขยายไปยังทำเลชุมชนใหม่ๆ กับความหลากหลายที่เข้าไปเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างใกล้ชิดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแต่ละชุมชน และตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจที่สร้าง สรรค์บรรยากาศความคึกคักให้กับผู้บริโภคที่ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกบ้านกันมากขึ้น

หลังจากสถานการณ์ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ ข้อจำกัดต่างๆก็ถูกยกเลิกไปเกือบหมดให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตกันปกติ.

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th