“พิชญา” ทายาทตระกูล “รักตพงศ์ไพศาล” ทุ่มหมดหน้าตักลงทุน “เรนวูด ปาร์ค คลอง 11 ลำลูกกา” โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 2,000 ไร่ มูลค่า 30,000 ล้านบาท รองรับลูกค้าระดับไฮเอนด์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบด้วยบ้านจัดสรรพื้นที่ขนาด 2 ไร่ต่อหลัง สนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์พักผ่อนผู้สูงอายุ ฯลฯ
นางสาวพิชญา รักตพงศ์ไพศาล ผู้จัดการโครงการเรนวูด ปาร์ค เปิดเผยว่า โครงการ “เรน วูด ปาร์ค คลอง 11 ลำลูกกา” ที่ อ.ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง 2 ตระกูล คือ “รักตพงศ์ไพศาล” และ “รวยรุ่งเรือง” เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบคอมมูนิตี้ ขนาดใหญ่ระดับลักชัวรี (Luxury) มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 2,000 ไร่ เพื่อรองรับกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ควบคู่ไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบวงจร โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้
“การเกิดขึ้นของโครงการนี้ เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน (ไฮเอนด์) ยังเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงทั้งคนไทยและต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาพำนักอาศัยในประเทศแบบครอบครัว ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568” ขายบ้านบนพื้นที่ขนาด 2 ไร่
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการประกอบไปด้วย โครงการพัฒนาบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ และขนาดกลางจำนวน 100 หลังเท่านั้น โดยจะแบ่ง ออกเป็น 2 ขนาด คือบ้านขนาดใหญ่เนื้อที่ 1-2 ไร่ และบ้านขนาดกลางเนื้อที่ 150-180 ตารางวา ที่ออกแบบสไตล์ยุโรปที่เน้นความเรียบแต่โก้หรูทันสมัย ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการบ้านพักอาศัยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมด้วยการพัฒนา สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการประกอบด้วยสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุม เพื่อให้สามารถใช้ในการจัดการแข่งขันระดับประเทศได้ และขนาด 9 หลุมเพื่อฝึกนักกอล์ฟเยาวชนคนรุ่นใหม่, ศูนย์กีฬา และสปอร์ตคลับ, คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์สุขภาพ หรือเฮลท์แอนด์เวลเนส (Health and Wellness) โรงเรียนนานาชาติ บ้านพักผู้สูงอายุที่จะเป็นการเปิดให้มีการเช่าระยะสั้นๆหรือเช่าระยะยาว ตามที่ลูกค้าต้องการ เพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงอายุของคนไทยและทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ภายในโครงการยังได้มีการออกแบบให้มีลู่วิ่ง และลู่จักรยาน ท่ามกลางความใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ประกอบกับมีการจัดสรรพื้นที่ในโครงการในรูปแบบกรีนเฮาส์ (Green House) เพื่อเป็นโรงเรือน ปลูกผัก และผลไม้ปลอดสารพิษ เพื่อการดูแลโภชนาการ และจัดจำหน่ายให้กับผู้พักอาศัยในโครงการทั้งหมด
ขณะที่ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการ ในระยะแรก ล่าสุดได้ก่อสร้างไปแล้ว 50% คาดว่า จะแล้วเสร็จปลายปีนี้ ประกอบด้วย โครงการสนามกอล์ฟ 18 หลุม โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์กีฬาหรือสปอร์ตคลับเพื่อรองรับการเปิดจองพื้นที่ของกลุ่มลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับ จากลูกค้าเป็นอย่างดี
“โครงการดังกล่าวถูกออกแบบจากสถาปนิก ระดับชั้นนำของประเทศ เพื่อให้โครงการมีความทันสมัย ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่เน้นและให้ความสำคัญในการสร้างโครงการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีความสมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิตแบบวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ในทุกด้านเพื่อคนทุกช่วงวัย”
ทั้งนี้ ในระยะที่ 2 จะเป็นการก่อสร้างในส่วนของบ้านพัก สำหรับผู้สูงอายุ รองรับกับสังคมผู้สูงอายุ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงให้เป็นบ้านพักที่มีการดูแลจากเจ้าหน้าที่ทั้งแม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย จุดรักษาพยาบาลเบื้องต้น และมีพยาบาลคอยดูแลเหตุฉุกเฉิน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกด้านที่ครบครัน ซึ่งโซนที่พักอาศัยส่วนนี้จะเป็นการให้เช่าเท่านั้น เพื่อต้องการรองรับคนสูงอายุจากยุโรปที่นิยมหนีสภาพอากาศหนาวในประเทศตนเอง เพื่อเข้ามาพำนักชั่วคราวในประเทศไทยปีละ 3-6 เดือน
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการพัฒนา คอมมูนิตี้ มอลล์ ให้เป็นห้างสรรพสินค้าขนาด ที่เหมาะสมกับโครงการที่พร้อมเปิดให้บริการ กับกลุ่มลูกค้าทั้งที่อยู่อาศัยในโครงการ และหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนระยะที่ 3 เป็นการก่อสร้างโครงการบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่และขนาดกลาง บนพื้นที่รอบๆสนามกอล์ฟ
ทั้งนี้ ในส่วนของบ้านผู้สูงอายุจะแบ่งออกเป็น 5 โซน รวมจำนวน 621 ยูนิต บนพื้นที่ 125 ไร่ ประกอบด้วยบ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ซึ่งบ้านในกลุ่มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคนสูงอายุโดยเฉพาะ เน้นความปลอดภัยในการพักอาศัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เช่น การสร้างทางเดิน หรือทางลาดยกพื้นสูงที่เชื่อมต่อถึงชั้น 2 นอกเหนือจากการใช้บันไดตามปกติ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังมีคลับเฮาส์ที่เป็นศูนย์กลาง เพื่อการพบปะสันทนาการของคนสูงวัยได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน หากไม่อยากใช้ชีวิตประจำวันจำเจ อยู่แต่ในบ้าน ที่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ร้านอาหาร ร้านตัดผม เสริมสวย ร้านสปา ห้องนวดเพื่อสุขภาพ ห้องสมุด ฟิตเนส ห้อง เต้นรำ ห้องโยคะให้บริการ เป็นต้น
นางสาวพิชญา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2563 ทำให้นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่เป็นลุงและพ่อ ได้มีแนวคิดร่วมกันว่าในปริมณฑลรอบๆ กรุงเทพฯควรจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถพัฒนาแบบครบวงจรให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และต้องเป็นทำเลที่ดี จนมาได้ที่บริเวณคลอง 11 ที่มีสภาพแวดล้อมและอากาศที่ดี มีทำเลใกล้กรุงเทพฯ มีเส้นทางเชื่อมต่อระบบขนส่งขนาดใหญ่ ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และเป็นจุดขึ้นลงใกล้ทางด่วนมอเตอร์เวย์ที่สามารถเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคตะวันออก อีกด้วย จึงมั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ ของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี.