นับเป็นเวลากว่า 80 ปีที่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“ไทยประกันชีวิต หรือ TLI”) ดูแลคนไทยด้วยตระหนักถึงคุณค่าของทุกชีวิตมาโดยตลอด ในฐานะบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ก่อตั้งโดยคนไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (เมื่อพิจารณาจากรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวมจากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และสำหรับรอบระยะเวลา 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565) ในปัจจุบันไทยประกันชีวิตประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 4,400,000 กรมธรรม์ (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) และเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักอย่างกว้างขวาง และรู้สึกผูกพันมาอย่างยาวนาน
จากจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางความสำเร็จที่ยั่งยืนในฐานะ "Life Solutions Provider"
จากยุคบุกเบิก ไทยประกันชีวิตได้ใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองในการเข้าถึงประชาชนในต่างจังหวัด ด้วยการเสนอสินค้าแบบชำระเบี้ยฯ รายเดือน พร้อมสร้างอาชีพให้คนไทยผ่านการเป็นตัวแทนประกันชีวิตยุคต่อมาบริษัทประกันชีวิตในยุคสร้างสรรค์ได้มุ่งสร้างแบรนด์คนไทยให้ได้รับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ การสร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคม พร้อมทั้งสร้างนวัตกรรมสินค้าและการบริการที่หลากหลาย สร้างทัศนคติ ความเชื่อแบบใหม่ ให้กรมธรรม์ประกันชีวิต จนถึงปัจจุบันที่เป็นยุคคิดต่าง ซึ่งไทยประกันชีวิตพร้อมก้าวสู่การเป็น "Life Solutions Provider"
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป้าหมายของไทยประกันชีวิต คือการเป็น Life Solutions Provider ทุกคำตอบของ ของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลของคนไทยในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมากกว่าการประกันชีวิต ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความมั่นคงไปจนบั้นปลายชีวิต”
โดยไทยประกันชีวิตมุ่งสู่การเป็น Life Solutions Provider ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1.การขับเคลื่อนองค์กรสู่ Data Driven Company ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานแบบครบวงจร (End-to-end) นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
2. การเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม
3. การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยมุ่งพัฒนาบริการที่มากกว่าการประกันชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างความโดดเด่นในการให้บริการ
บริการด้วยใจ ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต
ไทยประกันชีวิตโดดเด่นเรื่องการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่ง การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ วัฒนธรรมองค์กรบนจิตวิญญาณการดูแลลูกค้าด้วยหัวใจเสมือนดูแลคนในครอบครัว และการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบและรัดกุม นำมาสู่ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถทำกำไรที่แข็งแกร่งในทุกๆ วงจรธุรกิจ
"โอโมเทะนาชิ คือจิตวิญญาณการให้บริการแบบญี่ปุ่น ถ้าเป็นคนไทยก็คือคำว่า 'ใส่ใจ' และถ้าคนญี่ปุ่นจะหมายถึงระหว่างโฮสต์กับเกสต์ แต่สำหรับไทยประกันชีวิตเปรียบลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว เป็นที่มาของคำว่า ‘คิดเคียงข้าง’ เราจะเป็นคู่คิดที่เคียงข้างทุกชีวิตของลูกค้า นั่นคือสิ่งที่ผมสอนตัวแทนประกันให้รู้สึกว่า ตัวคุณจะมีคุณค่าต่อเมื่อคุณดูแลชีวิตคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และคุณให้บริการด้วยใจ ผมเรียกว่า Heart Made คือคำว่าใส่ใจ เอาใจไปใส่ในการทำทุกๆ เรื่องที่คุณทำให้กับลูกค้า" คุณไชย ไชยวรรณ กล่าว
สถานะทางการเงินมั่นคง สร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
ไทยประกันชีวิตสามารถทำกำไร สร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น โดยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปีที่ผ่านมา โดยไทยประกันชีวิตมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2554-2564 อยู่ที่ร้อยละ 4.2 ต่อปี
คุณวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สถานะทางการเงินของไทยประกันชีวิต ยังคงมีความมั่นคง โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio: CAR) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 อยู่ที่ร้อยละ 360.57% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ปี 2565 คือปีที่สำคัญยิ่งของไทยประกันชีวิต เพราะนอกจากเป็นปีที่บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 80 ปี ยังเป็นปีที่เราจะก้าวสู่มิติใหม่ของการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่มุ่งสร้างความมั่นคงของชีวิตและการเงินให้กับคนไทย โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งคาดว่าจะเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจของเราให้ดียิ่งขึ้น”
ความน่าเชื่อถือที่ทำให้ผู้คนมั่นใจมาตลอดหลายปี
ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตรายแรกของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากล ปัจจุบันได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ A- ในระดับสากล และระดับ AAA ในระดับประเทศไทย โดย Fitch Ratings เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินของไทยประกันชีวิต แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ไทยประกันชีวิตสามารถดำเนินธุรกิจและสามารถสร้างผลกำไรสุทธิ 8,394 ล้านบาทในปี 2564 กำไรสุทธิของไทยประกันชีวิตปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเตรียมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ประกอบกับไทยประกันชีวิตไม่ได้เสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยในรูปแบบ “เจอ จ่าย จบ” ที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคโควิด-19 ที่กำลังเป็นประเด็นที่อาจสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในวงกว้าง
นอกจากนี้ ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 19,450.81 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) อยู่ที่ 2,909.68 ล้านบาท เติบโต 33.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) อยู่ที่ 1,373.55 ล้านบาท เติบโต 7.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) อยู่ที่ 15,167.08 ล้านบาท โดยยังมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ 88.6% ในขณะเดียวกันบริษัทฯ มีกำไรจากเงินลงทุนสำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 อยู่ที่ 2,240.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการจัดประเภทรายการใหม่ของเงินลงทุนในบริษัทร่วมในปี 2564 ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ไทยไพบูลย์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด โดยเปลี่ยนประเภทจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์แทน ซึ่งส่งผลให้มีการบันทึกผลขาดทุนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ขณะที่บริษัทฯ ไม่มีการจัดประเภทรายการใหม่ในลักษณะดังกล่าวในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565
ผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต
คุณเคียน ฮิน ลิม ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยประกันชีวิตมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งแผนการออม แผนการลงทุน แผนการคุ้มครองความมั่งคั่ง แผนการคุ้มครองสุขภาพและอุบัติเหตุ ตลอดจนการวางแผนการเกษียณอายุ และการวางแผนมรดก ไทยประกันชีวิตจึงมีแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ และความรู้ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานของผู้บริหารไทยประกันชีวิต นอกจากนี้ ยังวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสูง และมีมูลค่าสูง โดยพิจารณาถึงการพัฒนาของเศรษฐกิจมหภาค และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง”
เครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่แข็งแกร่ง และช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย
ไทยประกันชีวิตมีเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 64,000 ราย (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) โดยเป็นบริษัทประกันชีวิตสัญชาติไทยแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่สำคัญตัวแทนประกันชีวิตเหล่านี้พร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพ ด้วยด้วยหัวใจ ด้วยจิตวิญญาณแห่งการบริการ หรือ 'Heart Made' เสมือนการดูแลคนในครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีช่องทางจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรและช่องทางจัดจำหน่ายอื่นๆ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายสาขารวมกันกว่า 730 แห่งทั่วประเทศ ธนาคารและองค์กรของรัฐอีกกว่า 2,900 แห่ง รวมถึงบริษัทลีสซิ่งและเช่าซื้อ บริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่มีสาขาและจุดจำหน่ายรวมกันกว่า 300 แห่ง (อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงบริการของไทยประกันชีวิตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ทีมผู้บริหารมากประสบการณ์และการสนับสนุนจากพันธมิตรระดับโลก
นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังขับเคลื่อนองค์กรด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งทุกท่านล้วนมีประสบการณ์การทำงานในธุรกิจประกันชีวิตมาอย่างยาวนาน และมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของไทยประกันชีวิต รวมถึงไทยประกันชีวิตยังได้รับการสนับสนุนจาก 'Meiji Yasuda Life Insurance Company' (MY) หนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น ที่มีบริษัทในเครือทั้งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน อินโดนีเซีย โปแลนด์ และประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในไทยประกันชีวิตในสัดส่วนร้อยละ 15.0 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วของไทยประกันชีวิต ซึ่งทาง MY พร้อมจะสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งในประเทศเมียนมา ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสในการจัดจำหน่าย และการขยายตลาดองค์กรญี่ปุ่น (Japanese Worksite Marketing) ในประเทศไทย รวมถึงช่วยต่อยอดการทำธุรกิจประกันชีวิตแบบ Digitalization ให้กับไทยประกันชีวิต
ก้าวสู่อนาคต ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าสู่ยุคดิจิทัล
ไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญกับยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่าน 'Digital Platform' ที่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ทั่วไทยอย่าง “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต" มียอดดาวน์โหลดถึง 465,627 ครั้ง และมีจำนวนผู้ใช้ที่ลงทะเบียน 311,033 ราย (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกบนอุปกรณ์สื่อสาร เช่น การเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ การตรวจสอบความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันชีวิต การดาวน์โหลดเอกสาร เช่น หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันชีวิต การยื่นเคลมสินไหมบางประเภท และการค้นหาชื่อคลินิกและโรงพยาบาลคู่สัญญา ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์แบบครบวงจรสำหรับลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ลดต้นทุนการบริหารจัดการ และช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้ลูกค้าว่ามีช่องทางติดต่อกับไทยประกันชีวิตได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดเหตุคับขัน
การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การสร้างสมดุลของ E-S-G
การขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งบนพื้นฐานการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ส่วนหนึ่งมาจากการส่งเสริมให้ลูกค้าและคนไทยมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมั่นคงกับเงินออม ไทยประกันชีวิตจึงตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ทั้งต่อลูกค้า ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญเรื่อง ESG หรือการคำนึงถึงหลักการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล การดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ไทยประกันชีวิตและสังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กัน
ไทยประกันชีวิตพร้อมสู่ก้าวใหม่ ก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่จะเติบโตอย่างมั่นคงอีกขั้น และเปิดให้คนไทยก้าวไปด้วยกัน ด้วยการเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเสริมศักยภาพการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการส่งเสริมการตลาด พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งช่องทางตัวแทนประกันชีวิต และผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน สำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่นๆ รองรับวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน
หมายเหตุ: การโฆษณานี้มิใช่การเสนอขายหลักทรัพย์ การเสนอขายหลักทรัพย์จะกระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร์ให้แก่ผู้ลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน.