นันยาง เผยยอดซื้อรองเท้าผ้าใบพุ่ง 2 เท่ารับเด็กเปิดเทอม 17 พ.ค. 65

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

นันยาง เผยยอดซื้อรองเท้าผ้าใบพุ่ง 2 เท่ารับเด็กเปิดเทอม 17 พ.ค. 65

Date Time: 10 พ.ค. 2565 12:38 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • นันยาง เร่งผลิตรองเท้าผ้าใบรองรับกำลังซื้อที่อาจพุ่งสูงถึง 2 เท่ากว่าเปิดเทอมที่ผ่านมา รับเด็กนักเรียนกลับมาโรงเรียนตามปกติ หลังต้องเรียนออนไลน์หนีโควิด 2 ปีเต็ม

Latest


นันยาง เร่งผลิตรองเท้าผ้าใบรองรับกำลังซื้อที่อาจพุ่งสูงถึง 2 เท่ากว่าเปิดเทอมที่ผ่านมา รับเด็กนักเรียนกลับมาโรงเรียนตามปกติ หลังต้องเรียนออนไลน์หนีโควิด 2 ปีเต็ม

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 65 ดร. จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า หลังจากกระทรวงศึกษาธิการพร้อมให้โรงเรียนเปิดเรียนเต็มรูปแบบภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2565 ในวันที่ 17 พ.ค. 65 นี้ ซึ่งจะมีการเรียนการสอนที่โรงเรียนตามปกติ ทำให้ผู้ปกครองต้องเตรียมความพร้อมของบุตรหลานในด้านต่างๆ ทั้งชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน และอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ รวมถึงการฉีดวัคซีนด้วย

ขณะเดียวกัน เมื่อเด็กมีการเติบโตขึ้นตามวัย ขนาดเท้าใหญ่ขึ้น ดังนั้นรองเท้าที่เคยใส่ไปโรงเรียนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็อาจจะไม่สามารถนำมาใส่ได้อีก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กหรือนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ที่มีพัฒนาการร่างกายรวดเร็ว โดยปกติเด็กจะเปลี่ยนขนาดรองเท้าใหญ่ขึ้น อย่างต่ำปีละ 1 เบอร์

อย่างไรก็ตาม นันยางมั่นใจว่าตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนโดยรวมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ที่ผ่านมาตัวเลขมูลค่าตลาดรวมของรองเท้านักเรียนก่อนวิกฤติโควิด-19 อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หากพิจารณาเฉพาะตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนจะพบว่า นันยางครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 43% ในปัจจุบัน

โดยเราเชื่อมั่นว่า บริษัทน่าจะขยายส่วนแบ่งได้เพิ่มขึ้นในปี 2565 เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนผู้เล่นในตลาดลดน้อยลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกเพื่อรองรับกำลังซื้อหลังการเปิดประเทศไว้ในระยะยาว และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกช่วงเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ในทุกวัน

สำหรับความท้าทายที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ อัตราการลดลงของเด็กเกิดใหม่ ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่นันยางเชื่อว่า ปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลรุนแรงนัก เพราะตลาดรองเท้าผ้าใบยังคงมีขนาดที่ใหญ่ ทั้งยังมีพื้นที่ให้ขยายตลาดเพิ่มได้ในทุกมิติ ซึ่งทางออกของรองเท้าผ้าใบยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ขายได้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา

เช่น นักศึกษา คนทำงาน นักกีฬา หรือคนทั่วไปที่ชื่นชอบในแบรนด์สินค้านันยาง รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างกระแสทางการตลาดให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ช่วยทำให้เกิดการขยายกลุ่มลูกค้าในวงกว้างยิ่งขึ้น ที่สำคัญนันยางจะสร้างมาตรฐานให้แก่รองเท้าผ้าใบทุกคู่ ด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบในการผลิตอย่างดี มีกรรมวิธีผลิตเฉพาะ เพื่อให้ได้สินค้าที่ดี ทนทานในการใช้งาน และสวมใส่สบาย

ดังนั้นความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ได้รับจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ จึงถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด ที่ธุรกิจจะต้องยึดมั่นเพื่อให้ก้าวต่อไปได้ และสิ่งนี้คือจุดแข็งของนันยางที่ยึดถือมาตลอด 69 ปี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ด้านนายชัยพัชร์ ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันรองเท้าผ้าใบของนันยางผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มหลักอย่างชัดเจน ประกอบด้วย กลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังซื้อมักจะเกิดขึ้นในช่วงเปิดภาคเรียน และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ชื่นชอบในตัวสินค้า ซื้อสินค้าใช้งานตลอดทั้งปีต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในทุกสายงาน ทุกอาชีพ

ดังนั้นเมื่อมีการเปิดประเทศหลังวิกฤติโควิด-19 ก็น่าจะส่งผลทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น โรงเรียนกลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติ ผู้ประกอบการร้านค้า อุตสาหกรรมต่างๆ กลับมาดำเนินธุรกิจได้ ใกล้เคียงเดิม ย่อมส่งผลให้ความต้องการรองเท้าผ้าใบในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน จึงจำเป็นที่ฝ่ายผลิตจะต้องวางแผนเพื่อรับมือกับความต้องการที่อาจสูงขึ้นแบบกะทันหัน

โดยนันยางได้วางแผนผลิตสินค้าเก็บสต๊อกไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งนันยางได้คาดการณ์สถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้วตั้งแต่ปลายปี 2564

ปัจจุบัน นันยางมีกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าผ้าใบคุณภาพครอบคลุมทุกกลุ่มวัย โดยรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นยอดนิยม ประกอบด้วย นันยาง รุ่น 205-S ที่ครองความนิยมมากว่า 60 ปี, นันยาง แฮฟ ฟัน แบบไม่ต้องผูกเชือก เสริมความปลอดภัยสำหรับเด็กประถม ลดการสัมผัสเชื้อโรคถึง 10 เท่า ตามมาด้วย นันยาง ซาฟารี ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และ นันยาง ซุปเปอร์ สตาร์ รองเท้าผ้าใบราคาประหยัดที่นำมาจัดโปรพิเศษเพียง 199 บาท

นายชัยพัชร์ กล่าวอีกว่า การวางแผนเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ของนันยางในปี 2565 จำเป็นต้องพิจารณาถึงความต้องการสินค้าหรือความจำเป็นในการใช้สินค้าและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับควบคู่กันไป เพราะแน่นอนว่าในสภาวะเศรฐกิจที่ยังไม่มั่นคง การประหยัด การควบคุมค่าใช้จ่าย

โดยถือเป็นมาตรฐานการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในยุคโควิด-19 แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือผู้บริโภคยังคงมองหาสินค้าคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล แต่อาจเพิ่มเติมเรื่องความทันสมัยเข้าไปด้วย จึงทำให้นันยางมองจุดเติมเต็มในสินค้าเดิมที่ลูกค้าเคยใช้แล้วชอบและซื้อซ้ำ มาเป็นจุดต่อยอดในการออกสินค้าใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงทางการตลาด

ทั้งนี้ ในปี 2565 นันยางจึงได้นำกระแสรองเท้าผ้าใบหัวผ้าสีขาวที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กผู้หญิงในอดีต กลับมาปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นและเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยอีกครั้ง โดยจัดวางรองเท้าผ้าใบสีขาว เพิ่มเข้าไปในกลุ่มรองเท้าผ้าใบรุ่น ZAFARI ที่ปัจจุบันมีวางขายแค่ 2 สีคือ ดำ กับ น้ำตาล การเพิ่มสีขาวเข้ามาในตลาดสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการใส่รองเท้าแบบเรียบง่าย สไตล์ธรรมดา สวมใส่สบายได้ทุกวัน ใส่รองเท้าเข้าได้กับการแต่งกายในทุกเทศกาล และราคาไม่แพงอีกด้วย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ