สุพริศร์ สุวรรณิก สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้นและบานปลายกลายเป็นสงคราม ทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์ยอดฮิต อยู่ในความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการหลีกหนีความเสี่ยงหรือต้องการเก็งกำไร ราคาทองคำผันผวนสูงมากดั่งนั่งรถไฟเหาะ เรียกได้ว่า เดินเข้าร้านทองที่เยาวราชไม่ทันไร เดินออกมาราคาก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทั้งนี้ ทองคำถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยเฉพาะการนำไปเป็นตัวเรือนเครื่องประดับ ทำให้ผู้เขียนนึกย้อนไปถึงการพูดคุยหารือร่วมกันอย่างได้อรรถรสระหว่างผู้ประกอบการ นักวิชาการ และนักวิเคราะห์ ในงานเสวนา “Industry Transformation” ที่จัดโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยผู้เขียนขอสรุปใจความสำคัญ พร้อมระบุโอกาสและความท้าทายของธุรกิจประเภทนี้มาเล่าสู่กันฟังเผื่อท่านผู้อ่านสนใจครับ
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับ 3 ของมูลค่าการส่งออกของไทยมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ทศวรรษ และเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้สูงสุด ให้กับประเทศมายาวนาน เราเป็นทั้งผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับส่งออก และเป็นผู้ค้าขายอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญในระดับโลก ซึ่งถือได้ว่าประเทศไทยมีความพร้อมเพียงพอที่จะก้าวเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาคและของโลกได้ ทั้งนี้ โครงสร้างอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมอัญมณี และอุตสาหกรรมเครื่องประดับ อุตสาหกรรมอัญมณี ประกอบด้วย การเจียระไนเพชรและพลอย ขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ประกอบด้วย เครื่องประดับแท้ (เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง) และเครื่องประดับเทียม (อัญมณีสังเคราะห์)
จุดเด่นสำคัญของอัญมณีและเครื่องประดับไทย คือ การเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณี (พลอยสี) ของภูมิภาค รวมทั้งความสามารถของช่างฝีมือไทยในการเผาพลอยสีและเจียระไนพลอยที่มีคุณภาพและประณีต ขณะที่ข้อจำกัดสำคัญ คือ ความจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เนื่องจากแหล่งวัตถุดิบในประเทศเหลือน้อยไม่เพียงพอสำหรับการผลิต และถูกซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะยอดคำสั่งซื้อที่ลดลงจากในอดีต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ส่งผลให้ธุรกิจขาดสภาพคล่อง และสูญเสียแรงงานที่มีฝีมือไปบางส่วน
มองไปข้างหน้า ความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมนี้แบ่งออกเป็นด้านอุปสงค์ ได้แก่ ผู้บริโภครุ่นใหม่ไม่นิยมเครื่องประดับทอง เพชร พลอย ต่างจากคนรุ่นก่อน รวมถึงแนวโน้มการแต่งงานที่น้อยลงในคนรุ่นใหม่อาจทำให้ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับน้อยลง ขณะที่ด้านอุปทาน ได้แก่ การสร้างแรงงานรุ่นใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมเป็นไปได้ยาก และต้องใช้เวลานานในการสร้างความเชี่ยวชาญ และข้อจำกัดในการพัฒนาสินค้าให้ทันสมัย มีคุณภาพและมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ผู้ร่วมเสวนาจึงมีข้อเสนอแนะสำคัญ โดยเฉพาะต่อภาครัฐ คือ การมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจนต่ออุตสาหกรรมนี้ ซึ่งจะนำมาสู่นโยบายสนับสนุนการขับเคลื่อนในระยะต่อไป เช่น นโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้านการคลังและภาษี ด้านการพัฒนาแรงงาน ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง ประเทศไทยมีความได้เปรียบที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมและการเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ดีอยู่แล้ว และคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งหากเราไม่สามารถรักษาหรือต่อยอดสิ่งที่ทำได้ดีในเวทีโลกไว้...