ภายในปีแรกจากการเริ่มต้นทำธุรกิจเยลลี่บุกในประเทศไทย พบว่ารสชาติและสัมผัสพิเศษสุดแปลกใหม่ของเยลลี่ชนิดนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้มียอดขายถึง 36 ล้านบาทในช่วง 4 เดือนแรก ก่อเป็นแรงขับเคลื่อนนำพา กานต์-อรรถกร รัตนารมย์ และซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ให้ต่อยอดความสำเร็จ นำชื่อเสียงของ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' กระจายไปทั่วประเทศและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนมียอดขายรวมในปีที่ผ่านมาถึง 140 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ค่อนข้างมาก
"ด้วยความที่เป็นเยลลี่บุก เมื่อกินแล้วจะรู้สึกอิ่มท้อง โดยสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเนื้อสัมผัสที่เราพัฒนาให้มีความหนึบหนับ เคี้ยวเพลิน ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำยาก เพราะปกติเยลลี่จะมีน้ำเยอะ ทำให้พวกเรามีเป้าหมายตั้งแต่แรกว่าต้องการทำเยลลี่ออกมาให้มีความหนึบ" กานต์ กล่าวถึงจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเยลลี่
พบแรงบันดาลใจในการทำเยลลี่ที่ประเทศญี่ปุ่น
หากย้อนกลับไปบนเส้นทางธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาคิดอยากทำเยลลี่บุก เพราะในตลาดประเทศไทยยังไม่มีใครทำเยลลี่ชนิดนี้ รวมถึงทั้งสองคนชอบกินเยลลี่บุกอยู่แล้ว ซึ่งเยลลี่บุกที่มีชื่อเสียงและรสชาติอร่อยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยทั้งคู่ก็ได้แรงบันดาลใจจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน เพราะไม่ว่าจะไปเที่ยวรอบไหนก็มักจะกลับมาด้วยเยลลี่ที่อัดแน่นเต็มกระเป๋าเดินทางอยู่ทุกครั้ง จากความชื่นชอบในวันนั้น จนวันหนึ่งมีโอกาสไปร่วมงานแฟร์เกี่ยวกับอาหาร ทำให้ทั้งสองผุดไอเดียเยลลี่บุกแบบไม่มีแคลอรี่ขึ้นมา และพัฒนาจนเกิด 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' ขนมทานง่ายเหมาะกับผู้คนทุกวัย โดยใช้เวลาศึกษาและพัฒนาสินค้าประมาณ 6 เดือน จนคิดว่าผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจผลิตขาย
"ช่วงที่ศึกษาตลาดผู้บริโภค เราพยายามหา Market Size ของเยลลี่ เราคุยกันว่าจะเปรียบเทียบกับใครดี เพราะตอนนั้นเราเป็นเยลลี่บุกเจ้าแรกของประเทศ ในราคาเพียง 25 บาท ต้องบอกว่าถ้าเอาไปเทียบกับตลาดญี่ปุ่น ทางโน้นจะอยู่ที่ราคา 100-200 บาท ซึ่งเราก็ไม่รู้จะเทียบอย่างไร เพราะตอนนั้นยังไม่มีเยลลี่บุก 0 แคล ออกมาเลยด้วยซ้ำ"
หนทางสู่ความสำเร็จ
"ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปถึงหนทางแห่งความสำเร็จ ก่อนหน้านี้เราเคยทำธุรกิจมาหลายอย่าง และทุกธุรกิจก็เป็นบทเรียนที่มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับเรา เพื่อที่จะพาธุรกิจใหม่เติบโตไปได้ไกลกว่าที่ผ่านมา"
ทั้งสองคนเริ่มทำธุรกิจ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' ครั้งแรกในปี 2563 และมียอดขายถึง 36 ล้านบาทภายใน 3 เดือนกว่าๆ ของปีแรก ในปี 2564 เส้นทางแห่งความสำเร็จก็เป็นรูปเป็นร่างกว่าเดิม เมื่อธุรกิจเยลลี่บุกเติบโตสูงขึ้น มีเป้าพุ่งทะลุถึง 140 ล้านบาท จากการสนับสนุนของกลุ่มแฟนคลับที่คอยซัพพอร์ต และกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบของหวาน
ทั้งนี้ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ มักต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด หากเราเรียนรู้จะก้าวผ่านบทเรียนในอดีตก็อาจทำให้พบกับหนทางแห่งความสำเร็จในอนาคตได้ ดังนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มปรับเปลี่ยนการวางแผน การดูแลสต็อก การใช้ข้อมูลมาช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ การดูรายละเอียดโดยเฉพาะเรื่อง Run Rate ในการผลิต ที่จะพัฒนา Marketing Support ให้เหมาะสมกับผู้บริโภค
การสนับสนุนที่พาไปสู่ทิศทางที่ดี
การสนับสนุนของ "เซเว่น อีเลฟเว่น" ช่วยทำให้ธุรกิจ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' เติบโตไปในเส้นทางที่ดีขึ้น ทั้งความช่วยเหลือด้านคำแนะนำ ให้คำปรึกษาเรื่องบริหารสต็อก และการทำโปรโมชั่น ช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่มีความรู้เพิ่มเติม และสามารถแข่งขันในตลาดได้
"เมื่อไหร่ที่ยอดขายค่อนข้างคงที่ ทางเซเว่นจะมาถามว่ามีแผนมาร์เก็ตติงอะไรไหม ถ้าไม่มีลองทำโปรโมชั่นกับทางเซเว่นไหม หรือทำสินค้าใหม่มาเสริมทัพตามเทศกาล ตรงนี้ช่วยผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ เพราะเหมือนมีเพื่อนช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการขายให้ตลอด อีกทั้งเซเว่นสอนพวกเราค่อนข้างเยอะ และผมชอบที่เขาพูดตรงๆ มีอะไรก็สอนเราเสมอ จากที่เราทำงานกับเซเว่นไม่เป็นเลย ตอนนี้เราเริ่มรู้มากขึ้น เวลาสงสัยอะไรเขายินดีตอบตลอด"
นอกจากนี้ทั้งสองคนยังควบคุมต้นทุนการผลิต ด้วยการวางแผนเรื่องการดูแลสต็อก การบริหารสต็อก และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ซึ่งช่วยให้การจัดการสินค้าเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงต่อยอดไลน์ผลิตเพื่อพัฒนาเยลลี่บุกให้มีความหลากหลาย รวมถึงนำข้อแนะนำดีๆ เรื่องการจัดการระบบ QA และ QC จากเซเว่นมาปรับใช้ ช่วยให้การผลิตมีมาตรฐานมากขึ้น
กล้าคิด กล้าลอง กล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง
ในปีนี้ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' มีแผนจะทำรสชาติใหม่ให้ผู้บริโภคได้ติดตามตลอดปี อีกทั้งมีแผนพัฒนาสินค้าใหม่กับเซเว่น เพิ่มรสชาติที่หลากหลายในอนาคต หากมองย้อนไปช่วงแรก ทั้งสองคนคิดว่าถ้าวันนั้นไม่กล้าลองกล้าทำ ปัจจุบันคงไม่พบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้
"การทำธุรกิจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างแรกคือเรากล้าลอง เรากล้าออกจากเซฟโซน ทำให้เราได้ลองสัมผัสธุรกิจ ได้ลองทำสิ่งที่แตกต่างในช่วงอายุยังน้อย ทำให้ยังเรียนรู้ได้อยู่ หากไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีแรงลุก ยังมีภาระไม่มาก ความกล้าลองทำสิ่งใหม่ของเราจึงไม่เดือดร้อนคนในครอบครัว"
ไม่เพียงความกล้าคิดกล้าทำ จุดแข็งอีกอย่างของ 'ซันซุ' คือความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันในท้องตลาด ถือเป็นจุดขายที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักกับ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' ได้เร็ว และตอบโจทย์คนที่มองหาขนมที่ทานแล้วไม่รู้สึกผิด ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ 'ซันซุเยลลี่บุก 0 แคล' สามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ กานต์-อรรถกร รัตนารมย์ และซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ที่ใช้ประสบการณ์ในอดีตมาพัฒนาและต่อยอดสิ่งที่ตัวชื่นชอบ จนกลายเป็นเยลลี่บุก 0 แคลอรี่เจ้าแรกในประเทศไทย ที่มียอดขายถล่มทลายและเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ