การคบหาใครสักคนไว้เป็นมิตรนั้น ต้องอาศัยระยะเวลา ประสบการณ์ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นตัวกลั่นคอยกรองให้สิ่งไม่ดีตกตะกอนไป การเป็นมิตรที่ดีนั้น ไม่ถึงขั้นต้องพิสูจน์ให้เห็น แต่เพียงแค่การหยิบยื่นมิตรภาพดีๆให้ต่อกัน การแสดงน้ำใจ หรือความช่วยเหลือแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ ด้วยความจริงใจ ก็เพียงพอแล้ว
ดังเช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ทำหน้าที่เป็นมิตรที่ดีต่อสังคม ด้วยการทำงานร่วมกับภาคสังคมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม และขยายผลลัพธ์ที่ดีทางสังคม ผ่านบทบาทนำของผู้ประกอบการทางสังคม
และภารกิจหนึ่งในการดำเนินงานบน SET Social Impact Platform คือ การส่งเสริมการให้ความรู้ ทักษะ การประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการทางสังคม และงานด้านการส่งเสริมธุรกิจของ Social Enterprise โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขยายเครือข่าย ตลอดจนความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างภาคธุรกิจและนักธุรกิจเพื่อสังคม
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดงาน Social Business Matching Day : The Impact Opportunity #1 เมื่อวันที่ 24-25 ก.พ.2565 จัดขึ้นที่สวนเนรมิตรเกษตร หรือแดนเนรมิตเก่า ด้วยการจัดให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมใน 3 ด้าน คือ ด้านพัฒนาเกษตรกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านพัฒนานวัตกรรมบริการแก่ผู้สูงวัย ที่มีผลงานโดดเด่น มาเปิดตัวให้เป็นที่รู้จัก มีโอกาสได้แนะนำธุรกิจ นำเสนอแผนธุรกิจ สินค้าและบริการของตัวเองให้แก่ภาคธุรกิจที่สนใจร่วมมือ
เรียกได้ว่า เป็นการเปิดประตูไปสู่การพัฒนาความร่วมมือด้านสังคมร่วมกัน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯยังได้เชิญภาคธุรกิจต่างๆมาเข้าร่วมงานด้วย ทั้งบริษัทจดทะเบียน หน่วยงานภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา
การจัดงานครั้งนี้ ทำตามมาตรการป้องกันโควิดแบบเคร่งครัด โดยผู้เข้าชมงานต้องตรวจ ATK ก่อนเข้างาน สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างการเข้าฟัง กำหนดให้มีผู้เข้าร่วมงานไม่เกิน 60 รายต่อวัน
กิจกรรมในงาน ยังมีการออกบูธของบรรดาผู้ประกอบการสังคมต่างๆ ผู้เข้าชมจะได้เห็นสินค้าและบริการที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น กิจการของบริษัท ธัญญโอสถ ที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชาวนาให้ปลูกข้าวหอมอินทรีย์ให้มีคุณภาพสูง ยกระดับรายได้เกษตรกรให้มีรายได้เฉลี่ย 300,000 บาท/ปี
หรือธุรกิจการให้บริการรับ-ส่งแท็กซี่ผู้สูงวัย ของ บ.บางกอกแนนนี่เซ็นเตอร์, การพัฒนาแอปฯ Young Happy ให้เป็นระบบเชื่อมโยงบริการผู้สูงอายุให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและพึ่งพาตัวเองได้ ของ บ.เพย์ อิท ฟอร์เวิร์ด และยังมีธุรกิจอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กันของผู้ประกอบการเพื่อสังคมรายอื่นๆ
ตลาดหลักทรัพย์ฯเองก็นำ โครงการ Care the Wild มาออกบูธด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งโครงการเพื่อสังคมที่สร้างผลงานได้โดดเด่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเกิดจากความร่วมมือในการระดมทุนปลูกป่า เพื่อให้ได้ผืนป่าอย่างแท้จริง และต้นไม้ที่ปลูกต้องอยู่รอด 100% ด้วยการใช้แนวคิดในการดำเนินงาน ธรรมาภิบาล เปิดเผยข้อมูล และติดตามการปลูกป่า 6-10 ปี ผ่าน Application Care the Wild
ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 2 วัน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ กระแสการตอบรับดีมาก โดยมีองค์กรต่างๆให้ความสนใจเข้าร่วมงาน เกือบๆ 60 องค์กรเลยทีเดียว งานนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดหวังว่าจะเกิดการจับคู่ และเชื่อมโยงทางธุรกิจ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จากจำนวนองค์กรภาคธุรกิจที่เข้าร่วมทั้งหมด
คุณนายพารวย