นายพิพัฒน์ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ “มาม่า” เปิดเผยว่า ทำมาม่ามา 50 ปี จากราคาจำหน่ายเริ่มต้นซองละ 2 บาท วันนี้จำหน่ายที่ 6 บาท ขยับขึ้นมา 2 เท่า โดยราคาที่ 6 บาท เป็นราคาตรึงมานานตั้งแต่ปี 2551 และยืนยันว่าจะตรึงราคาจำหน่ายต่อไปแม้ว่าจะไม่ใช่เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรายการควบคุมราคาก็ตาม
“ทางบริษัทจะบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินการ การผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีกำไรมากกว่าแล้วนำมาชดเชย ส่วนหนึ่งเราใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนและมีนโยบายลงทุนแบบพอเพียงด้วย นอกจากนั้นยังมีพาร์ตเนอร์คือกลุ่มสหพัฒน์เป็นพี่เลี้ยงที่ดี ทั้งวิกฤติต้มยำกุ้งและล่าสุดโควิด-19 เราได้รับผลกระทบน้อยมาก”
ทั้งนี้ สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรูปแบบซองที่ขายซองละ 6 บาทนั้น มาม่ามีส่วนแบ่งตลาดในสินค้ากลุ่มนี้ 35% โดยอัตราการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของประเทศไทยปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่คนละ 53.2 ซองและคัพ/ปี เป็นอันดับ 5 ของโลก ส่วนอัตราบริโภคเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 15 ซองและคัพ/ปี หากมองไปในตลาดโลกถือว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จึงตั้งเป้าที่จะขยายตลาดต่างประเทศเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนยอดขายในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วน 50-50 คิดเป็นยอดขายรวม 30,000 ล้านบาท
“ส่วนแนวทางการขยายผลิตภัณฑ์ มองโอกาสขยายได้ไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) หรืออาหารสด รวมทั้งจะเพิ่มอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ปลอดภัย ทั้ง Future Food, อาหารจากพืช (Plant-Based Food) แม้แต่อาหารที่มีส่วนผสมจากกัญชา ขึ้นอยู่กับตลาดว่าพร้อมเมื่อไร”.