นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ยื่นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ กรณีที่รัฐบาลไทยมีคำสั่งระงับประกอบกิจการเหมืองทองคำชาตรี จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลกของบริษัทอัคราด้วยข้อกฎหมายที่ไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และอนุญาโตตุลาการ มีกำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยตัดสินเมื่อวันที่ 31 ม.ค.65 ว่า ล่าสุด คิงส์เกตและไทยได้เจรจา ขอเลื่อนการออกคำชี้ขาดข้อพิพาทออกไปก่อน ซึ่งสัปดาห์นี้ จะเจรจาอีกครั้งว่า จะเลื่อนออกไปถึงเมื่อใด เบื้องต้นคาดว่า ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
“สาเหตุที่ต้องเลื่อนการเจรจาออกไปอีกครั้งไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อให้คู่พิพาททั้ง 2 ฝ่ายมีเวลาเจรจารายละเอียด ที่เหลือร่วมกัน ผมเชื่อว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้ด้วยดี ถ้าตกลงกันได้แล้ว เรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจะจบลงด้วยดีเช่นกัน เพราะไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นร่วมกันอีก”
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ไม่ทราบการเลื่อนตัดสิน แต่ทราบเรื่องที่เขาจะกลับมาเปิดเหมืองแร่ในไทย เพราะดีล (เจรจา) อยู่แล้วกับกระทรวงอุตสาหกรรม และเขายินยอมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 ทุกประการ ไม่ว่าเป็นบริษัทใด หากมีคุณสมบัติครบ สามารถยื่นคำขอมาได้ จะมีคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา แต่จะอนุญาตหรือไม่ ต้องดูหลายข้อประกอบกัน เช่น สิ่งแวดล้อม มวลชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าไทยอนุญาตให้กลับมาเปิดเหมืองแร่ได้แลกกับการถอนเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายรัฐบาลไทยออกจากอนุญาโตตุลาการ มีข้อเท็จจริงอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการต่อรอง เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรม แต่การเจรจาเรื่องขอเปิดเหมือง มีมาตั้งแต่ต้น เราไม่ได้ปิดเหมืองแร่ ยังอนุญาตเขา เพียงแต่ยังไม่ได้ต่อใบอนุญาตให้ รอ พ.ร.บ.แร่ออกมาก่อน เมื่อมีพ.ร.บ.แร่แล้ว ก็ได้เชิญเขากลับมา แล้วดำเนินการตามขั้นตอน ถ้าใครเข้าก็เข้า ถ้าใครไม่เข้า ก็ตกไป เรื่องการขอประทานบัตร แสดงว่าเขาจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยทุกประการ เมื่อไปถึงจุดที่ยุติแล้ว ทุกฝ่ายต้องชี้แจงได้ แต่วันนี้ยังไม่มีการรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ อาจจะมีการรายงานในการ ประชุมวันที่ 1 ก.พ.นี้ ก็เป็นได้.