ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงต่อเนื่อง บวกกับวิกฤติซัพพลายที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ซ้ำเติมด้วยความกังวลเงินเฟ้อ ทำให้หุ้นเอเชียดิ่งต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งปี
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน หุ้นเอเชียดิ่งลงต่ำที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี หลังมีการเทขายหุ้นในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตลาดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงในช่วงที่วิกฤติซัพพลายกระทบต่อเศรษฐกิจ สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้วิเคราะห์ว่านักลงทุนนั้นมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังจากที่ประชุมโอเปกพลัส ยืนยันใช้นโยบายผลผลิตแบบเดิม ขณะที่ประเทศบริโภคน้ำมันกังวลว่าราคาที่พุ่งสูงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และได้กดดันให้มีการเร่งผลิตน้ำมัน ส่วนตลาดในเอเชียยังคงจับตาสถานการณ์บริษัทเอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ของจีนที่ส่อแววไปไม่รอดจาภาวะหนี้สะสม และได้ถูกระงับการซื้อขายหุ้นไปเมื่อวานนี้
หลังเปิดตลาดเช้าวันนี้ ดัชนี MSCI ตกลง 1.3 เปอร์เซ็นต์ ดัชนี นิเคอิ225 ของญี่ปุ่นตกลง 2.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วน KS11 ของเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลง 2.5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ AXJO ของออสเตรเลีย ที่ปรับตัวลดลง 1 เปอร์เซ็นต์
ที่มา: Reuters