อมาร์ ลัลวานี่ ซีอีโอ Standard International เผย The Standard หัวหิน เปิดให้บริการ 1 ธ.ค. 64 พร้อมชู คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็นแฟล็กชิพของแบรนด์ในภูมิภาคเอเชีย
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 64 มร.อมาร์ ลัลวานี่ หรือ Amar Lalvani ซีอีโอ Standard International หรือ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard กล่าวว่า การเปิดตัวแบรนด์ The Standard เข้าสู่ตลาดประเทศไทย ถือว่าทำได้อย่างถูกเวลาเนื่องจากประเทศไทยกำลังเดินหน้าเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการผ่อนผันกฎเกณฑ์ในการเดินทางเข้าสู่ไทย และการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน
ทั้งนี้ ในนามของ The Standard ผมมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะแนะนำโรงแรมสมาชิกใหม่ของเราอย่าง The Standard, Hua Hin ที่มีกำหนดเปิดบริการในวันที่ 1 ธ.ค. 64 นี้ รวมถึง The Standard, Bangkok Mahanakhon โครงการแฟล็กชิพของเราในเอเชีย ที่จะเปิดตัวปี 2565 และ The Standard, Ibiza โรงแรมแห่งที่สองของเราในยุโรป
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดี วิกฤติที่เรากำลังประสบในเวลานี้เป็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการไม่เคยเผชิญมาก่อน ส่งผลกระทบต่อแรงงานนับล้านคนทั่วโลก ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ องค์กร ของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำความสุขความเพลิดเพลินมาสู่แขกผู้ใช้บริการ ทั้งยังทำประโยชน์ต่อชุมชนรอบข้าง และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับสมาชิกทีมงานโดยการรังสรรค์โครงการโรงแรมที่น่าทึ่งทั่วโลก
ทั้งนี้ ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นอันดับต้นๆ ของนักเดินทางจากทั่วโลก จนทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 38 ล้านในปี 2561 และมากกว่า 39 ล้านในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 การจะฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับคืนมาเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดนับว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก
ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงเริ่มต้นผลักดันภารกิจหลักสู่การฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม ที่ถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศให้กลับมาโลดแล่นเหมือนเดิม ประเทศไทยเริ่มพิจารณาใช้นโยบายเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากแผนระดมฉีดวัคซีนดำเนินการได้ตามเป้า
โดยเริ่มจากโครงการนำร่อง Phuket Sandbox ที่รับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนเข้าสู่เกาะภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ตามด้วยโครงการในลักษณะเดียวกันในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมทั้งโครงการ Hua Hin Recharge ที่ตั้งเป้าให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้ 70% เพื่อพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาเยือนเมืองชายทะเลแห่งนี้ เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในช่วงที่ฤดูท่องเที่ยวหลักใกล้เข้ามา ซึ่งโดยปกติจะเริ่มต้นในเดือน ต.ค. ประเทศไทยจะมีเมืองท่องเที่ยวหลัก 5 แห่ง (ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ และหัวหิน ซึ่งข้อมูลจาก ททท. ระบุว่าสร้างรายได้เข้าประเทศคิดเป็นร้อยละ 50 ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม) ที่เข้าร่วมในแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขณะที่อีก 2 จังหวัด คือ กระบี่และพังงา เป็นจุดหมายรองจากเมืองหลัก
เมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศไทย เมืองชายทะเลอย่างหัวหิน อันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ต ติดชายหาดแห่งแรกในเมืองไทยในเครือ The Standard พึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดย 70% ของนักท่องเที่ยวก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากโควิด เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย อัตราการเข้าพักสูงถึง 90% ในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดราชการ ในปี 2563 โรงแรมในหัวหินมีตัวเลขอัตราการเข้าพักสูงที่สุดอยู่ที่ 39% มากกว่าเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
ปัจจุบัน กระแสความต้องการในการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีรายได้สูง จากประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคง และพึ่งพาธุรกิจท่องเที่ยวขาเข้าน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งโอกาสที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ
โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นเป้าหมายหลักที่ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างสูง ในการดึงดูดให้เข้ามาท่องเที่ยวประเทศของตนเอง ซึ่งไทยคือจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพสูงสำหรับการท่องเที่ยวของนักเดินทางกลุ่มนี้เมื่อมีการเปิดพรมแดนเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยวอีกครั้ง หากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ยังไม่สามารถดำเนินการในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และยกเลิกข้อกำหนดในการเดินทางข้ามประเทศได้อย่างทันท่วงที
มร.อมาร์ กล่าวว่า แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 จะสร้างผลกระทบมหาศาลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้ ภาวะโรคระบาดใหม่ทำลายธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเสียหาย แต่เครือ The Standard สามารถยืนหยัดสู้กับสถานการณ์วิกฤติได้อย่างแข็งแกร่งและภาคภูมิ ด้วยวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นว่าว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะกลับมามีอนาคตที่สดใส โดยส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ในปี 2564 ในสหรัฐอเมริกาแซงหน้าตัวเลขในปี 2562 ด้วยค่าเฉลี่ยดัชนีการสร้างรายได้ที่ระดับ 134 ต่อ 122 เมื่อเทียบกับเครือโรงแรมคู่แข่งในระดับเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญ เราสามารถรักษาฐานกำไรและยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในโครงการใหม่ๆ และเร่งสรรหาโรงแรมใหม่ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเครือ ซึ่งตัวเลขการเติบโตในแง่ส่วนแบ่งตลาดเป็นผลจากความแข็งแกร่งของแบรนด์และการที่บริษัทฯ ตัดสินใจรักษาทีมงานทุกคนไว้และเดินหน้าแผนงานต่างๆ ทางการตลาดตลอดช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดความแข็งแกร่งของแบรนด์ นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเลขยอดการจองตรงในโรงแรมในเครือ The Standard อยู่ระดับสูงตลอด
โดยเพิ่มจากอัตรา 45% ก่อนโควิดระบาด มาสู่ระดับ 58% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสำหรับแบรนด์โรงแรมอิสระ ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการนำเสนอแพ็กเกจที่ดึงดูดใจและการสร้างประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มาพักที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการตลาดแบบฉีกกรอบซึ่งกลายเป็นภาพจำของแบรนด์
มร.อมาร์ กล่าวอีกว่า สำหรับ The Standard, Bangkok Mahanakhon จะเป็นโรงแรมแฟล็กชิพของแบรนด์ The Standard ในทวีปเอเชีย จะกลายเป็นแลนด์มาร์กที่น่าตื่นตาตื่นใจของประเทศไทย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ คิง เพาเวอร์ มหานคร อาคาร 78 ชั้น ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของไทยในปัจจุบัน โดยโรงแรมแห่งนี้จะสะท้อนความเป็นเมืองหลวงที่เปี่ยมพลังของกรุงเทพฯ
"กลิ่นอายความเป็นเมืองใหญ่ของกรุงเทพฯ สอดคล้องอย่างลงตัวกับจุดยืนของ The Standard ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวที่โดดเด่นสร้างสรรค์ที่สุด ที่สำคัญ คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็นหนึ่งในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในภูมิภาคนี้ เราจึงรู้สึกภูมิใจและตื่นเต้น อย่างยิ่งที่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ กรุ๊ป ในการนำเอาความเป็น The Standard มาสู่อาคารที่โดดเด่นระดับนี้ในใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย"
สำหรับ The Standard ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการสร้างสรรค์รสนิยมล้ำสมัย ดีไซน์แปลกใหม่ และมาตรฐานที่ไม่เหมือนใคร โดยปัจจุบันได้สร้างสรรค์โรงแรมที่ฉีกกรอบรูปแบบเดิมๆ มาแล้ว 6 แห่งในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ไมอามี ลอนดอน มัลดีฟส์ และ The Standard หัวหินที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ รวมไปถึงแฟล็กชิพในเอเชีย The Standard Bangkok Mahanakhon ที่มีกำหนดเปิดใน 2565
โดยเป้าหมายในการสร้างสรรค์และพัฒนาทุกโครงการของ The Standard ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รูฟท็อปดิสโก้เธค หรือนิตยสาร คือการฉีกกฎเกณฑ์ รวมถึงการนำเสนอประสบการณ์ที่หาได้ที่ The Standard เท่านั้น ปัจจุบัน The Standard มีบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เป็นผู้ถือหุ้นหลักจากการลงทุนใน Standard International ครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย. 60 ก่อนจะมีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในเวลาต่อมา.