พลิกผืนดิน ส.ป.ก. 10,000 ไร่ บนพื้นที่อีอีซีให้เป็นทำเลทอง เนรมิตปลูก “กัญชง-กัญชา-ฟ้าทะลายโจร” ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง หวังยกระดับสมุนไพรไทยให้ส่งออกได้เกินกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท พร้อมศึกษาปลูกต้นกระท่อมหลังรัฐบาลไฟเขียวถูกกฎหมาย “คณิศ” ชี้เป็นโครงการแรกในอีอีซีที่ไปช่วยยกระดับเกษตรกรได้จริง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีรวมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกระหว่างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ว่า โครงการนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนอนาคตของเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการปลูกพืชแบบเดิมๆ สู่พืชสมุนไพรที่มีอนาคตสูงที่สามารถส่งออกไปทั่วโลก บนพื้นที่ 10,000 ไร่
โดยเริ่มต้นที่พืช 2 ชนิด ได้แก่ 1.กัญชงและกัญชา ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการรักษา โดยเฉพาะโรคมะเร็ง พาร์กินสัน และอัลไซเมอร์ มีความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เป็นหลักการของแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่อีซีซี คือ 2.ฟ้าทะลายโจร พืชสมุนไพรที่ในปัจจุบันใช้เป็นยารักษาโรคโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรองแล้วว่ามีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ในปริมาณที่พอเพียง โดยแจกให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงมีความ ต้องการในตลาดเป็นจำนวนมาก หากมีการสร้างสินค้าและแบรนด์ให้สนองความต้องการของตลาดจะสามารถใช้ในประเทศ และส่งออกได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรเมื่อปี 2563 สมุนไพรไทยส่งออกประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสมุนไพรไทยในกลุ่มเสริมอาหารมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80,000 ล้านบาท กลุ่มสปาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย อาทิ กระชายขาว กระชายดำ ขมิ้นชัน บัวบก ขิง ข่า อบเชย ว่านหางจระเข้ ว่านชักมดลูก ว่านนางคำ ฟ้าทะลายโจร มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท”
“ล่าสุดเกษตรกรยังรับข่าวดีว่า รัฐบาลปลดล็อกพืชกระท่อมให้พ้นบัญชียาเสพติด เพราะภูมิปัญญาไทยใช้ใบพืชกระท่อมเคี้ยวแล้วทำงาน ไม่ปวดเมื่อย และเวลาเป็นไข้หวัดนำใบพืชกระท่อมล้างน้ำให้สะอาดแล้วต้มกับน้ำดื่มแก้อาการไข้หวัดได้ด้วย อนาคตอาจจะต้องมีการศึกษาและสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกระท่อมในที่ ส.ป.ก.ด้วย”
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเป็นโครงการแรกในอีอีซีที่ไปช่วยยกระดับเกษตรกรได้จริง และเป็นครั้งแรกที่อีอีซีได้ร่วมมือกับ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มรูปแบบ โดย สกพอ.จะนำเทคโนโลยีมาเสริมการผลิตทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์ใหม่กับพืชกัญชง กัญชา และฟ้าทะลายโจร โดยมั่นใจว่าจะช่วยสร้างมูลค่าส่งออกได้กว่าที่ที่เคยทำได้ 100,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก.กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ใน จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นโครงการด้านการพัฒนาเกษตรในพื้นที่อีอีซี โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร ภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาสมุนไพรครบวงจร โดย ส.ป.ก. และ สกพอ. จะร่วมกันพิจารณาคัดเลือกเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และพื้นที่ดำเนินการที่มีความพร้อม และสร้างเครือข่ายงานวิจัยและการต่อยอดสมุนไพรไทย ให้ได้ตรงความต้องการตลาด ทั้งนี้ จะร่วมกันศึกษาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพืชสมุนไพรอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ให้มีผลโดยเร็วและเป็นรูปธรรม มีระยะเวลา 2 ปี ตามอายุของข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือนี้.