นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือน ก.ค. การส่งออกมีมูลค่า 22,650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20.27% เมื่อเทียบเดือน ก.ค.2563 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ถ้าไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ ขยายตัว ถึง 25.38% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 708,651 ล้านบาท การนำเข้า 22,467 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 45.94% คิดเป็นเงินบาท 712,613 ล้านบาท เพิ่ม 48.2% เกินดุลการค้า 183.46 ล้านเหรียญ แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 3,961.5 ล้านบาท หรือลดลง 104% และ 7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกมีมูลค่า 154,985 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 16.20% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นเงินบาท 4.726 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.93% การนำเข้า 152,362 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 28.73% คิดเป็นเงินบาท 4.711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.34% เกินดุลการค้า 14,922 ล้านบาท
“ปัจจัยที่หนุนให้ตัวเลขเดือน ก.ค.เป็นบวกได้ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) เพิ่มขึ้น แสดงว่าทั่วโลกต้องการซื้อสินค้ามากขึ้น, การทำงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.พาณิชย์) ที่แก้ปัญหาการส่งออก”
สำหรับสินค้าส่งออกที่ขยายตัว อาทิ สินค้าเกษตร ยางพารา, สินค้า อุตสาหกรรม เช่น รถยนต์, สินค้าเกี่ยวเนื่องน้ำมัน เช่น เม็ดพลาสติก ขณะที่ตลาดก็ขยายตัวดีเกือบทุกตลาด ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อาเซียน ยุโรป อินเดีย รัสเซีย ส่วนแนวโน้มเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ อาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรมที่บางแห่งต้องปิดสายการผลิต รวมถึงการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และบางประเทศที่ไทยส่งออก ทำให้การขนส่งสินค้าข้ามแดนติดขัดในบางช่วง เช่น สินค้าข้ามแดนจากไทยผ่านลาว เวียดนาม ไปจีน.