ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ตั้งเป้าเป็น Food Supply Chain ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของเอเชีย วาง 3 กลยุทธ์ เพิ่มศักยภาพแข่งขันอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.64 นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมประมง เนื่องจากปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำที่มีเพียงพอสำหรับส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เป็นต้น
โดยผลผลิตสัตว์น้ำที่มีการส่งออกสูง ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็น กุ้งสดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์กุ้ง ส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตกุ้งเป็นอันดับ 6 ของโลกในปี 63 ขณะที่แหล่งที่มาของผลผลิตสัตว์น้ำในประเทศมาจาก 2 แหล่งที่สำคัญ คือ การจับสัตว์น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
จากข้อมูลประมาณการของกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์สถิติการประมงฯ ประเมินผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศไทยในปี 2563 ทั้งสิ้นกว่า 3,498,137 ตัน แบ่งเป็นผลผลิตที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 2,553,101 ตัน และมาจากการเพาะเลี้ยงประมาณ 945,036 ตัน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมักจะประกอบไปด้วยหลากหลายภาคธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ คือธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบให้กับธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่อมาเป็นธุรกิจกลางน้ำ ได้แก่ ธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและธุรกิจประมง ซึ่งเป็นผู้จัดหาผลผลิตสัตว์น้ำนำส่งให้แก่ธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล
สุดท้ายธุรกิจปลายน้ำ เพื่อแปรรูปและเพิ่มมูลค่าอาหารทะเลสดในรูปแบบพร้อมจำหน่ายและส่งออกไปยังตลาดหลักต่างๆ ของโลก ทั้งหมดนี้เกี่ยวโยงกันในรูปแบบของห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับ Food Supply Chain แก่อุตสาหกรรมอาหาร
นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพราะเลี้ยงสัตว์น้ำในราคาที่แข่งขันได้ ส่งเสริมลูกค้ากลุ่มเกษตรกรในประเทศและยกระดับอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทย
ปัจจุบัน TFM มีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ โปรฟีด (PROFEED) นานามิ (NANAMI) อีโก้ฟีด (EGOFEED) แอคควาฟีด (AQUAFEED) และดี-โกรว์ (D-GROW) เป็นต้น ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารกุ้ง โดยข้อมูลปี 63 TFM มีส่วนแบ่งการตลาดอาหารกุ้ง 17% ของปริมาณอาหารกุ้งไทย และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารกุ้ง ณ ไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 43.3%
2. ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารปลา (รวมอาหารกบและอาหารปู) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารปลาทะเล เช่น อาหารปลากะพง ปลาเก๋า เป็นต้น อาหารปลาน้ำจืด เช่น อาหารปลานิล ปลาดุก อาหารสัตว์น้ำวัยอ่อน สำหรับการอนุบาลลูกปลา และสุดท้าย อาหารกบ
โดยข้อมูลเมื่อปี 63 TFM มีส่วนแบ่งการตลาดอาหารปลากะพงประมาณ 24% ของปริมาณอาหารปลากะพงไทย และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารปลา ณ ไตรมาส 1/64 ประมาณ 41.4%
3. ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสัตว์บก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อาหารสุกร และอาหารสัตว์ปีก ได้แก่ อาหารไก่ อาหารเป็ด และอาหารนกกระทา โดยบริษัทฯ เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์บกปลายปี 61 มีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารสัตว์บก ณ ไตรมาส 1/64 ประมาณ 10.5%
บริษัทฯ มีกำลังการผลิตอาหารสัตว์รวมทั้งหมด 288,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 168,000 ตันต่อปี กำลังการผลิตอาหารปลา 90,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิตอาหารสัตว์บก 30,000 ตันต่อปี ในโรงงานจังหวัดสมุทรสาครและสงขลา สามารถติดตามข้อมูลกระบวนการผลิตได้
ปัจจุบันมี กลยุทธ์ 3 แนวทาง คือ รักษาและพัฒนาความเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรายเดิมและลูกรายใหม่
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผ่านการลงทุนและจัดหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต เริ่มจากประเทศอินเดีย ไปยังปากีสถาน และอินโดนีเซีย คาดว่าจะขยายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ ไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีศักยภาพเติบโตจากตลาดภายในประเทศแล้ว