ได้ฤกษ์เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา สำหรับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ที่จะเป็นโมเดลให้จังหวัดอื่นๆ ใช้เป็นรูปแบบสำหรับตลาดท่องเที่ยวที่จะทยอยเปิดตัวตามกันต่อๆไป ด้วยความหวังว่าราบรื่นและเป็นจุดพลิกฟื้นให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวได้
กลุ่มเซ็นทรัลหนึ่งในยักษ์ใหญ่เครือข่ายค้าปลีกได้เดินหน้าดูแลผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดย เฉพาะการลดค่าเช่าพื้นที่ การประสานธนาคารเพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้า ธุรกิจใน “อีโคซิสเต็ม” ได้เข้าถึงสินเชื่อซอฟต์โลนเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจ การเปิดพื้นที่ศูนย์ 23 สาขาทั่วประเทศเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน
พร้อมกับอีกหลายโครงการ ที่เตรียมจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปีทั่วประเทศอีกกว่า 100 แคมเปญตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง การใช้แพลตฟอร์มของเซ็นทรัลทุกรูปแบบมาช่วยฟื้นฟูธุรกิจของคนไทย ธุรกิจท้องถิ่น สินค้าส่งออก, เอสเอ็มอี, โอทอป และสินค้าเกษตรเป็นต้น ช่วยผลักดันให้ประสบความสำเร็จ มียอดขายที่ดีและลูกค้าช็อปปิ้งอย่างมีความสุข
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงตลอดแต่เชื่อในพลังบวกว่าการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่กลุ่มเซ็นทรัลพยายามดำเนินการมาตลอดในหลายๆด้านนั้น หนึ่งในโครงการที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการฟื้นฟูด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วยไทย
“ในสถานการณ์ที่มีความยากลำบากกับการแพร่ระบาดต่อเนื่อง แต่ประเทศไทยไม่ได้กระทบทุกจังหวัด บางจังหวัดยังดีอยู่ เศรษฐกิจต้องเดินหน้าต่อไป เรามีเครือข่ายทั่วประเทศจะร่วมกันผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้”
ด้วยการนำธุรกิจในเครือเซ็นทรัลและพันธมิตรธุรกิจกว่า 15,000 ราย รวมพลัง ประเดิมแคมเปญใหญ่ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น 2 เดือนจนถึงเดือน ส.ค. ภายใต้งบ 120 ล้านบาท ผ่านแพลตฟอร์ม “ออมนิ ชาแนล” ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ของเครือข่าย 10 ธุรกิจในเครือทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เครือข่ายค้าปลีกในรูปแบบต่างๆ กว่า 1,048 สาขา กระจายทั่วประเทศ
รวมพลังให้คนไทยที่ยังมีกำลังซื้อช่วยกัน “กิน, ช็อป, ใช้, เที่ยว” โดยทุกเครือข่ายจะช่วยลดค่าครองชีพนำสินค้าลดสูงสุด 90% ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งศูนย์ฯ, ห้าง และออนไลน์ พร้อมคืนเงินสูงสุด 15% และทุกใบเสร็จใช้จ่ายที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีค่าเท่ากับ 1 บาทเข้าร่วมโครงการ Help Thai Fight Covid-19
ด้าน น.ส.ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า แคมเปญ “ฮักไทย รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน”ที่ริเริ่มโดยกลุ่มการค้าและบริการหอการค้าไทย ให้กลายเป็นโครงการระดับชาติ กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ กระตุ้นให้คนไทยหันมาอุดหนุนสินค้าไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ยกระดับสินค้าและบริการ อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจโดยรวม
โดยช่วงไตรมาสแรกยอดขายของเซ็นทรัล รีเทลผ่านแพลตฟอร์มออมนิ ชาแนล ผ่านบริการ 8 รูปแบบที่บริษัทพัฒนามา 2-3 ปี มั่นใจว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาที่ห้างได้ทำให้ยอดขายผ่านแพลตฟอร์มนี้เติบโตเกือบ 3 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่า 13% ของยอดขายทั้งหมดเป็นการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มที่จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจของผู้ประกอบการได้
นายณัฐกิตติ์กล่าว ว่า สำหรับสถานการณ์กำลังซื้อของผู้บริโภคได้คาดการณ์เดือนต่อเดือน ขึ้นอยู่ว่าเราควบคุมผู้ติดเชื้อได้มากน้อยเพียงใด การสร้างความมั่นใจของประชาชน และการเปิดภูเก็ตหากไม่มีปัญหา แหล่งท่อง– เที่ยวอื่นทั้ง
สมุย, พัทยา และที่อื่นๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้วไม่มีปัญหา กำลังซื้อก็น่าจะดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับตัวเลขของผู้เข้ามาใช้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัลในเขตจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด คนออกบ้านน้อยมากเป็นเรื่องปกติ โดยก่อนการแพร่ระบาดในรอบนี้ตัวเลขเฉลี่ยในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดที่ 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ส่วนจังหวัดในพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังตัวเลขที่ 70%
พร้อมกับยืนยันแผนการเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลอยุธยา ในเดือน ก.ย.และเซ็นทรัล ศรีราชา ในเดือน ต.ค. เพื่อสร้างงานในท้องถิ่นและร่วมผลักดันกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th