ท่ามกลางข่าวลบท่วมประเทศ เพิ่งมีข่าวดีมาให้ใจชื้นบ้าง เมื่อ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน ขยายตัวสูงถึง 13.09% คิดเป็นมูลค่า 21,400 กว่าล้านดอลลาร์ 675,000 กว่าล้านบาท เป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 36 เดือน หรือในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว เป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้น 8.47% ทำให้ยอดการส่งออก 4 เดือนแรก ปี 2564 มีมูลค่ากว่า 85,577 ล้านดอลลาร์ ราว 2.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.78%
ตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน ถ้าหักสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออกไป คิดเฉพาะการส่งออกจากภาคการผลิตจริง ยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 25.70% ส่งผลให้ภาคการผลิตจริงของไทยในวันนี้เกิดภาวะแรงงานขาดแคลน แม้จะเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
ผมดูรายละเอียดการส่งออกในแต่ละตลาดแล้วก็เซอร์ไพรส์มาก ยอดการส่งออกขยายตัวทุกตลาด ตลาดหลัก สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.8% เฉพาะสหภาพยุโรป ตลาดเดียวเพิ่มขึ้น 52.5% ตลาดจีน เพิ่มขึ้น 21.9% ตลาดเอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 149.9% ตลาด CLMV รอบบ้านเราเพิ่มขึ้น 44.3% ตลาดออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 39.1% ตลาดละตินอเมริกา เพิ่มขึ้น 82.3% ตลาดทวีปแอฟริกา เพิ่มขึ้น 25.3% ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS เพิ่มขึ้น 50.1% ตลาดตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 65.7% มีเพียงตลาดเดียวคือ ตลาดอาเซียน 5 ประเทศที่เจอโควิดอาการสาหัส ลดลง 4.4%
คุณจุรินทร์ คาดว่าแนวโน้มการส่งออกยังจะขยายตัวต่อเนื่อง เป้าหมายการส่งออกในปีนี้คือโต 4.0% แต่ผ่านมา 4 เดือนแรก การส่งออกของไทยขยายตัวเกิน 4% แล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่ทบทวนเป้าการส่งออก หลักคือทำให้เกินเป้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่จำเป็นต้องปรับเป้าให้เกิดความสับสน ถ้าขยายตัวเป็น 5-10% ก็ยิ่งดี เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563 เดือนนั้นการส่งออกของไทยติดลบถึง 23%
คุณจุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกไทยดีขึ้นมี 2 ปัจจัย คือ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าอาหารมากขึ้น รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน หรือ work from home กับการที่ตนได้ตั้ง คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เช่น สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือฯ เพื่อร่วมกันกำหนดแผนการผลักดันการส่งออกสินค้าไทยจนประสบความสำเร็จ และมีการประสานให้เรือขนาดใหญ่ super carrier นำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาขนสินค้า เมื่อวันอังคารก็มีเรือใหญ่ขนาดใหญ่ยาว 400 เมตร ขนตู้คอนเทนเนอร์เปล่าราว 10,000 ตู้ เข้ามาเทียบท่าเรือแหลมฉบัง
ภาคการส่งออกมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของจีดีพีไทย ถ้าไม่มีภาคการส่งออกมาช่วยอุ้ม ผมคาดว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1 น่าจะติดลบมากกว่า 2.6% สะท้อนให้เห็นถึง สภาพเศรษฐกิจในประเทศวันนี้ตกต่ำขนาดไหน ซึ่งเป็นผลมาจาก ความล้มเหลวของรัฐบาลในการรับมือกับโรคระบาดไวรัสโควิด–19 และ ความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารจัดการวัคซีน ทั้งเรื่อง การจัดหาวัคซีนไม่เพียงพอ และ วัคซีนไม่มาตามนัด ทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะงักเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนด่ากันทั้งประเทศ แต่ดูเหมือนแต่ละท่านก็ยังไม่รู้สึกสำนึกอะไร
โลกวันนี้ ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้รวดเร็ว เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวเร็ว เช่น สหรัฐฯ จีดีพีไตรมาสแรกโตร้อนแรงพุ่งขึ้นไป 6.4% ประเทศจีน จีดีพีไตรมาสแรกพุ่งขึ้นไปถึง 18.3% ทั้งที่เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลก แต่ประเทศจีดีพีเล็กๆอย่างไทยกลับหดตัว ถึง 2.6% ฝีมือบริหารประเทศของ นายกฯตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา ยังดีที่มีภาคการส่งออกมาช่วย อย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้รัฐบาลถังแตกไปมากกว่านี้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”