“พิพัฒน์” เตรียมหารือทูตสิงคโปร์ทำทราเวล บับเบิล กับไทย เปิดให้เข้ามาได้เดือน ต.ค.นี้ โดยคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต้องถูกกักตัว มองไกลทำแบบ 1+3 คือ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แถมด้วยทำทราเวล บับเบิล กับเวียดนามและลาว ด้าน ททท.เผยให้เตรียมตัวจอง “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” ได้เดือน พ.ค.นี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะหารือกับเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการจับคู่การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (ทราเวล บับเบิล) โดยเฉพาะการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 โดส และมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ ให้เดินทางไปมาระหว่างกันได้ ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการหลังจากรัฐบาลไทยได้นำร่องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ให้เดินทางมาไทยแบบไม่กักตัวในห้อง 7 วัน ในพื้นที่ของโรงแรมที่พักของจังหวัดภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
“ตอนนี้รับทราบว่า สิงคโปร์ทำบับเบิลกับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์แล้ว หากไทยสามารถหารือกับสิงคโปร์ได้ ก็อาจทำเส้นทางร่วมกันได้ แบบ 1+3 คือ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ถือว่าทุกประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการเดินทางที่สามารถทำได้สะดวกมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังหาทางทำทราเวล บับเบิลกับอีกหลายประเทศที่มีความน่าสนใจ และอยู่ในอาเซียน เช่น เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อโควิดน้อย จึงเป็นประเทศที่น่าสนใจจะทำการทราเวล บับเบิล ร่วมกันได้ โดยจากนี้ไปคงต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียด และความเป็นไปได้ว่าจะทำอย่างไร เช่นเดียวกับลาว ประเทศเพื่อนบ้านมีชายแดนติดกับไทยหลายจังหวัด และมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดน้อยเช่นเดียวกัน รวมถึงประเทศอื่นๆด้วย คาดว่า การทำทราเวล บับเบิล น่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 เป็นต้นไป
ส่วนตลาดจีนยังรอความชัดเจนจากทางการจีน ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งไทยพร้อมหาทางดึงชาวจีนเข้ามา เพราะถือเป็นตลาดใหญ่ และเป็นเป้าหมายของไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ อยากให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวติดต่อกับลูกค้าตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ได้ฉีดวัคซีนแล้ว และจะมีการเดินทางท่องเที่ยวหลังเดือนรอมฎอน 1 เดือน หรือเดือน พ.ค. ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ถือเป็นตลาดสำคัญที่ต้องการดึงเข้าไทย
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 (เฟส 3) ที่เพิ่มสิทธิห้องพัก 2 ล้านห้อง ขยายเวลาใช้ได้ถึงวันที่ 31 ส.ค.64 ว่า คาดจะพร้อมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิส่วนลดห้องพัก รัฐบาลสมทบให้ 40% ภายในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.นี้
ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบของธนาคารกรุงไทย เพื่อป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะการขอข้อมูลที่ใช้ในการสแกนใบหน้า ก่อนเข้าใช้สิทธิส่วนลดห้องพักในการท่องเที่ยว เพื่อยืนยันตัวตนว่าผู้ใช้สิทธิเป็นเจ้าของสิทธิจริง
ส่วนโครงการใหม่ “ทัวร์เที่ยวไทย” ที่รัฐบาล จะสมทบเงินสนับสนุนให้ออกเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ในแพ็กเกจราคาไม่เกิน 12,500 บาท หรือหากแพงกว่านั้นก็สนับสนุนสูงสุด 5,000 บาทนั้น มีเงื่อนไขคือ บริษัททัวร์นำเที่ยว จะต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนวันที่ 1 ม.ค.63 เพื่อการันตีว่าเป็นผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 จริง โดยบริษัททัวร์จะสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 1,000 คนต่อ 1 บริษัท รวมถึงบริษัททัวร์จะต้องทำแพ็กเกจนำเที่ยวเสนอ 15 รายการ ใน 3 ระดับราคา อาทิ ถูก ปานกลาง สูง โดยจะมีคณะทำงาน ตรวจสอบคุณภาพและความคุ้มค่าของแพ็กเกจ ก่อนอนุญาตให้นำขึ้นบนเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย เพื่อเสนอขายให้ประชาชนเป็นการทั่วไป
“จะเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมทัวร์เที่ยวไทยในช่วงหลังสงกรานต์นี้ ส่วนประชาชนคาดว่าจะลงทะเบียนรับสิทธิได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. โดยเงื่อนไขหลักๆ ของทัวร์เที่ยวไทยคือ ต้องเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้น และกำหนดให้ต้องเดินทางผ่านทัวร์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่อนุญาตให้ขึ้นกลางทางได้ รวมถึงเน้นย้ำว่า ทัวร์เที่ยวไทยสามารถใช้ได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 ครั้งเท่านั้น อาทิ ใช้สิทธิเที่ยวในมูลค่าเงินสมทบจากรัฐบาล 2,000 บาท เท่ากับว่าอีก 3,000 บาท ก็จะไม่สามารถใช้ได้อีก ขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถเข้าร่วมได้ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย แต่ไม่สามารถใช้ในเวลาเดียวกันได้ เพื่อป้องกันการได้รับส่วนลดซ้ำซ้อนกัน”.