ผลสอบข้อเท็จจริงจัดซื้อถุงมือยางแสนล้านของคณะกรรมการชุดที่ อคส.ตั้งภายในออกแล้ว ฟันธง “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” และพวกอีก 2 คนผิดวินัยร้ายแรง เรียกรับฟังข้อกล่าวหา 3 มี.ค.นี้ จากนั้นให้เวลา 15 วันแก้ข้อกล่าวหา ถ้าหักล้างไม่ได้ เตรียมเสนอ ผอ.อคส.ตั้งคณะกรรมการเอาผิดทางวินัย และคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนกรณีนายสุชาติ ประธาน อคส.ไม่อยู่ในอำนาจคณะกรรมการชุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่มี พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อคส. ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการนั้น ได้สืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และวันที่ 3 มี.ค.นี้ จะเชิญผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย มารับฟังข้อกล่าวหา รวมถึงจะส่งสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้ประกอบการไต่สวนกรณีนี้ด้วย
สำหรับข้อกล่าวหาที่จะแจ้งต่อทั้ง 3 ราย คือ มีความผิดวินัยร้ายแรง เพราะในการจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้ ทั้ง 3 รายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยังได้เอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชน จนทำให้ อคส.เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะได้จ่ายเงินค่ามัดจำซื้อถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ผู้ผลิตถุงมือยางที่เป็นคู่สัญญาของ อคส.
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทั้ง 3 รายมีสิทธิ์ที่จะแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน โดยต้องส่งเอกสาร หลักฐานต่างๆ มาหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ เมื่อครบ 15 วันแล้ว คณะกรรมการจะนำเอกสารหลักฐานมาพิจารณา หากไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการจะเสนอให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ตั้งคณะกรรมการลงโทษทางวินัย ซึ่งโทษของความผิดวินัยร้ายแรงคือ ให้ออก หรือไล่ออก และตั้งคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส.
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการได้ทำหนังสือถึงนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการคณะกรรมการ อคส. (บอร์ด อคส.) เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่นายสุชาติถูกพรรคฝ่ายค้านพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยาง ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์นั้น นายสุชาติได้แจ้งว่าจะทำเป็นหนังสือชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิงและจะส่งให้คณะกรรมการภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคำชี้แจงของนายสุชาติไม่มีผลต่อการแจ้งข้อกล่าวหา ต่อทั้ง 3 ราย โดยคณะกรรมการฯไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะตัดสินว่า นายสุชาติร่วมกระทำผิดกับทั้ง 3 รายด้วยหรือไม่ ต้องรอให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเท่านั้น ซึ่งคาดว่า จะชี้มูลได้ในเร็วๆนี้
ด้าน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์กล่าวว่า วันที่ 3 มี.ค.นี้ จะไม่เดินทางมารับฟังข้อกล่าวหาของคณะกรรมการแน่นอน ดังนั้น คณะกรรมการจะจัดส่งข้อกล่าวหามาให้ตนที่บ้าน และตนมีสิทธิ์ที่จะแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การทุจริตจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้ นายเกรียงศักดิ์ ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ได้พบว่า เงินในบัญชีของ อคส.หายไป 2,000 ล้านบาท จึงเรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถาม และทราบว่ามีการโอนให้กับการ์เดียน โกลฟส์ เป็นค่ามัดจำการซื้อถุงมือยาง จากนั้นจึงสอบถามที่มาที่ไปของการจัดซื้อครั้งนี้ และพบว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ไม่ได้ทำตามกระบวนการจัดซื้ออย่างถูกต้อง ที่สำคัญใช้อำนาจของผู้อำนวยการจัดซื้อโดยพลการ ทั้งๆที่มูลค่าจัดซื้อสูงถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงิน 50 ล้านบาท หรือวงเงินที่ผู้อำนวยการมีอำนาจอนุมัติได้เอง ซึ่งต้องเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติ แต่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์กลับไม่เสนอบอร์ด
ดังนั้น นายเกรียงศักดิ์จึงได้รายงานให้นายจุรินทร์ทราบ และสั่งการให้นายเกรียงศักดิ์ ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), ป.ป.ช. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตามอำนาจของตนเอง ล่าสุด ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง และอายัดเงิน 2,000 ล้านบาทไว้ได้บางส่วน ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท และ ป.ป.ช.ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆไว้ได้หมดแล้ว คาดว่าจะชี้มูลความผิดได้ในเร็วๆนี้ หลังจากส่งอัยการฟ้องร้องคดีอาญาแล้ว นายจุรินทร์สั่งการให้เอาผิดทางวินัย และฟ้องร้องคดีแพ่ง เพื่อเอาเงิน 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยมาคืน อคส.ให้ได้ ส่วนการกดดันให้นายสุชาติลาออกจากประธานบอร์ด อคส.นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากนายสุชาติ โดยอ้างว่าหากลาออกเท่ากับยอมรับว่าทุจริตจริง.