โลกแห่งความเหงา เป็นอะไรที่อธิบายยาก เพราะความเหงา ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่มันยังเป็นเรื่องของอารมณ์ แม้จะมีคนอยู่รอบข้างเป็นล้านคน แต่ความเหงามันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ และความเหงานี่เองหากดูแลและจัดการไม่ดี อาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้ในอนาคต
หากเป็นสมัยก่อนคนขี้เหงา และคนโสดอาจจะรับมือกับภาวะเหงา ความเบื่อหน่ายยากหน่อย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟน ค่าเน็ตก็แสนแพง แถมความเสถียรของสัญญาณก็เป็นอุปสรรคสำคัญ หากนึกไม่ออกให้นึกถึงตอนต่อเน็ต TOT ที่ความเร็ว 56K แถมยังตัดทุก 2 ชั่วโมง
วัยรุ่นสมัยนั้นจึงคลายเหงาด้วยการเดินสยามเซ็นเตอร์ ต่อคิวซื้อชานมไข่มุก อ่านการ์ตูนวันพีซ อ่านนิยาย เล่นเกม Play 1 หรือเข้าโรงหนังเพื่อดูนวัตกรรมภาพและเสียงผ่าน Star Wars Episode I - The Phantom Menace
เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคปฏิวัติโทรศัพท์มือถือจากปุ่มกดสู่ระบบ Touch Screen และกลายเป็นสมาร์ทโฟนอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน แต่โลกแห่งความเหงาก็ยังคงอยู่ แม้จะมีเครื่องมือคลายเหงา เช่น เน็ตฟลิกซ์ โปรแกรมแชตต่างๆ ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ โปรแกรมหาคู่ นัดเดต หรือแม้กระทั่งแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์
แต่จริงๆ แล้ว "โลกแห่งความเหงา" สามารถสร้างมูลค่าให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้อย่างมหาศาล ผ่านความสัมพันธ์ในรูปแบบ virtual จาก ผู้ติดตามจนกลายเป็นผู้พร้อมเปย์ เพราะความรู้สึกชอบใครสักคนที่เข้ามาฮีลใจ หรือทำให้เรารู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่ดี เพียงแค่เขาร้องเพลง ดีดกีตาร์ แต่งหน้าตลกๆ เล่าเรื่องขบขัน เป็นที่ปรึกษา แค่นี้โลกของคนเหงาก็กลายเป็นโลกที่ไม่เหงาอีกต่อไป
"เศรษฐินีศรีราชา" จะพาไปรู้จักอาชีพ VJ ตามแอปพลิเคชัน Live Streaming เช่น vibie live, Kitty live, Bigo live, MliveU ที่เข้ามาเปลี่ยน โลกของคนขี้เหงา ให้ไม่เหงาอีกต่อไป สำหรับแอปพลิเคชัน Live Streaming ถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มวัยรุ่น
โดยรายได้ที่ว่านี้มาจากการไลฟ์สดการพูดคุย หากใครมีความสามารถอื่นๆ ก็สามารถแสดงได้ผ่านการไลฟ์ เช่น ร้องเพลง แต่งหน้า ปรึกษาปัญหาชีวิต โดยรายได้จะมาจากการมีผู้ชม และส่งของขวัญหรือการโดเนทให้กับ VJ ขณะไลฟ์สด ซึ่งมูลค่าราคาของขวัญขึ้นอยู่กับการเติมเงินของผู้ชม โดยแอปพลิเคชันเหล่านี้เริ่มมีมานานแล้ว แต่เริ่มมีคนให้ความสนใจและหันมาทำเป็นอาชีพมากขึ้นในช่วงที่สถานการณ์โควิดแพร่ระบาดที่ผ่านมาในปี 2020 จนถึงปัจจุบัน
ทำความรู้จักกับอาชีพ VJ จากแอปพลิเคชัน Live Streaming
แท้จริงแล้วใครๆ ก็สามารถเป็น VJ ได้โดยไม่จำกัดเพศ และอายุ ถึงแม้จะเป็นแอปพลิเคชันยอดฮิตของวัยรุ่น แต่กลุ่มคนดูส่วนใหญ่ คือ คนวัยทำงาน โดยการเป็น VJ สามารถสมัครคัดเลือกผ่านแอปพลิเคชันไลฟ์สดต่างๆ ในปัจจุบันให้ตรงกับความเป็นตัวเรา
โดยไม่จำเป็นต้องหน้าตาที่ดี เพียงพกความมั่นใจ ความสนุกสนาน พร้อมมอบรอยยิ้มให้กับผู้ชมก็สามารถเป็น VJ ได้ ซึ่งถ้าผ่านการคัดเลือกของแต่ละแอปฯ แล้วก็ต้องยึดกฎระเบียบ และข้อตกลงของแต่ละแอปฯ
นอกจากนี้ VJ ของแต่ละแอปฯ จะมีการแบ่งเลเวล หรือเกรด รวมถึงความนิยมต่างๆ ที่แตกต่างกัน เพื่อจุดประสงค์เดียว คือ ทำให้คนดูสามารถเลือกเข้าดูได้ง่าย สำหรับ VJ ยอดนิยมที่มียอดการไลฟ์ยอดของขวัญสูงๆ ก็เปรียบเสมือนการอยู่ในระดับที่เรียกว่าเกรด A และเรียงลำดับลงมาตามความสามารถ ความขยัน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตัว VJ ขยันไลฟ์และทำยอดมากขึ้นเพื่อทำให้คนรู้จักและสร้างฐานแฟนคลับได้เพิ่มยิ่งขึ้นไปเป็นผลดีต่อตนเอง ส่วนผู้ชมบางกลุ่มไม่ได้ชอบดู VJ ที่ยอดนิยมก็สามารถเลือกดูคนอื่นได้โดยง่ายจากการแบ่งเลเวลและเกรด
กฎระเบียบสำหรับ VJ และผู้สนใจอยากสมัครควรปฏิบัติ
การเป็น VJ มีกฎระเบียบข้อปฏิบัติต่างๆ แตกต่างกันอยู่ที่แอปพลิเคชันเพื่อป้องกันชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตัวแอปพลิเคชันเอง หากฝ่าฝืนกฎระเบียบต่างๆ อาจต้องยกเลิกสัญญาและยุติการเป็น VJ โดยทันที ส่วนใหญ่ที่เน้นปฏิบัติเหมือนกันอย่างเคร่งครัด ยกตัวอย่างดังนี้
1. VJ ไม่ไลฟ์ที่มีลักษณะอนาจาร 18+ และใช้คำพูดลวนลามผู้อื่นในทางที่ไม่ดี
2. ขณะไลฟ์ไม่ควรนินทาพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับ VJ และบุคคลอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
3. ไม่แสดงออกความเห็นด้านลบ หรือชักจูงยุยงให้คนแบ่งพรรคแบ่งพวก
4. ห้ามบอกรายได้หรือเปลี่ยนการขอของขวัญเป็นเงินสดแทนจากคนดูเด็ดขาด
5. ต้องไม่ไลฟ์ขณะขับรถ เรียน หรือในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม
6. ไม่สูบบุหรี่ดื่มสุรารวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภทขณะไลฟ์
รายได้ของเหล่า VJ มาจากไหนกันแน่
รายได้ของเหล่า VJ แท้จริงแล้วไม่ได้มาจากระยะเวลาชั่วโมงการไลฟ์สด แต่มาจากการที่คนดูส่งของขวัญให้จากการเติมเงิน โดยรายได้จะโดยหักเปอร์เซ็นต์ ตามระบุไว้ในสัญญาของแอปฯ ต่างๆ ซึ่งก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสัญญาว่าจ้าง โดยคนดูที่มามอบของขวัญให้ขึ้นอยู่กับวิธีของแอปฯ นั้น โดยราคาของขวัญก็สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ 1 บาท แต่ส่วนใหญ่การเติมเงินย่อมมีขั้นต่ำอาจเริ่มที่ 100 บาทต่อ 1 ครั้ง
ผู้ชมก็ต้องปฏิบัติตามกฎ
หลากหลายแอปฯ มีการออกกฎมาเพื่อคุ้มครอง VJ และป้องกันการเจอบุคคลไม่หวังดีที่มีเจตนาในการทำให้เสียชื่อเสียงหรือเสียหาย เพราะการไลฟ์สดไม่สามารถควบคุมคนในการกดเข้ามาดูได้ หลายต่อหลายคนเจอคนดูประเภทเข้ามาแกล้งเข้ามาพูดจาไม่ดี รุนแรงถึงมาพูดจาเสียหายให้กับ VJ ทั้งที่ไม่รู้จัก
ทั้งนี้ การมีกฎไว้ควบคุมก็เพื่อป้องกันการเกิดพฤติกรรมที่ไม่ดี หากยังฝ่าฝืนทางแอปพลิเคชันจะทำการบล็อกโปร์ไฟล์หรืออีเมลในการเข้าแอปพลิเคชันทันที โดยตัวอย่างข้อบังคับเบื้องต้นที่พบเจอส่วนใหญ่คือ
1. ห้ามพูดจาลวนลามหรือส่งผลทำให้ VJ เสียหาย
2. ไม่ข่มขู่หรือบังคับ VJ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
3. ไม่ยืมเงิน VJ หรือให้ VJ ยืมเงินเด็ดขาด
แอปฯ สดถูกสร้างมาอย่างถูกกฎหมาย แต่ยังคงมีคนบางกลุ่มที่ใช้ช่องทางนี้ในทางที่ไม่ดีเพื่อต้องการหารายได้ ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่ให้มิจฉาชีพได้ใจ และหลอกลวง VJ อยู่บ้างในบางครั้ง ยกตัวอย่างเช่น การนัดเจอ VJ เพื่อบอกว่าจะให้ของขวัญ ซึ่งความจริงแล้วต้องการเพียงการอยากเจอเท่านั้น ก็อาจทำให้เสียเวลาเสียเงินกับการเดินทาง และยังผิดกฎของแอปฯ หากนัดเจอกันสองต่อสองแบบไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ ระหว่างการไลฟ์สดต้องควบคุมตนเองให้ดี บางคนฝ่าฝืนกฎ เพราะคิดว่าไม่มีใครเห็นการกระทำ แต่ความจริงสามารถตรวจสอบได้ และอาจต้องยุติการเป็น VJ โดยทันที หรือบางกรณีถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือและสุดท้ายเจ้าตัวหายหนีซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดได้บ่อยต้องระมัดระวังอย่าหลงเชื่อผู้อื่นโดยง่าย
ทั้งนี้ การสร้างรายได้จากการเป็น VJ ตามแอปฯ Live Streaming เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในการหารายได้เสริม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรายได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความสามารถ ความขยัน และเทคนิคการไลฟ์ของตนเองที่ดึงดูดคนดูนั่นเอง
ผู้เขียน : เศรษฐินีศรีราชา, nattaporn wongamphai
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun