ไทยประกันชีวิต ปลื้ม Thai Life Insurance ตอบโจทย์การใช้งานลูกค้า ทั้งตรวจสอบสถานะการเคลมสินไหม รับเงินคืนระหว่างสัญญา ค้นหาโรงพยาบาลคู่สัญญา จนถึงลงทะเบียนไทยประกันชีวิตฮอตไลน์
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 64 นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัยของบริษัทฯ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ และทำธุรกรรมประกันชีวิตด้วยตนเอง (Self Service) ได้ทุกที่ ทุกเวลา บริษัทฯ จึงได้เพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ดังนี้
- บริการตรวจสอบสถานะการเคลมสินไหม ที่จะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยรับทราบถึงสถานะการเคลม สินไหมว่าอยู่ในขั้นตอนใด และสามารถตรวจสอบรายละเอียดตั้งแต่การเข้ารับการรักษา จำนวนเงินที่ได้รับอนุมัติ และช่องทางการรับเงิน โดยสามารถเรียกดูประวัติการเคลมสินไหมในทุกช่องทางการยื่นเคลม โดยจะแสดงข้อมูลย้อนหลังได้สูงสุดหนึ่งปี นับแต่เดือนที่เข้าแอปพลิเคชันล่าสุด
รวมถึงการเพิ่มช่องทางการแจ้งรับเงินคืนระหว่างสัญญาผ่านบัญชีธนาคาร ได้แก่ เงินปันผล เงินคืนตามเงื่อนไข เงินบำนาญ และเงินฮิบะห์ ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต โดยสามารถเลือกรับเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกข้อมูลกับเลขที่บัตรประชาชน ตามรอบวันที่เกิดสิทธิ์ได้ตลอดสัญญา โดยชื่อเจ้าของบัญชีต้องเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้เอาประกันภัย
- บริการค้นหาข้อมูลโรงพยาบาลคู่สัญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผู้เอาประกันภัยสามารถค้นหาโรงพยาบาลที่ต้องการ พร้อมตรวจสอบเส้นทาง หรือโทรศัพท์ไปยังโรงพยาบาลได้ทันที รวมถึงการลงทะเบียนรับบริการไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ ซึ่งเป็นบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์และการเดินทางฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทั่วโลก สำหรับกรณีผู้เอาประกันภัยที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งจะต้องลงทะเบียนก่อนการเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งมีเงื่อนไขความคุ้มครองการเดินทางไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ หลังจากการเปิดตัวแอปฯ ไทยประกันชีวิต จนถึงปัจจุบัน มีผู้เอาประกันของบริษัทฯ ลงทะเบียนใช้บริการแล้วกว่า 80,000 ราย โดยฟังก์ชันที่มีผู้เข้าใช้บริการ 3 อันดับแรก คือ การตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันภัย และการรับสิทธิพิเศษจากไทยประกันชีวิต Privilege ซึ่งคาดว่าแนวโน้มจะมีผู้เอาประกันลงทะเบียนใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายผู้ลงทะเบียนใช้งาน 300,000 ราย ภายในสิ้นปีนี้