ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ปาล์มน้ำมันขณะนี้ น่าจะยังไม่คลี่คลาย เพราะผลผลิตปาล์มสดยังออกน้อย ทำให้ราคาผลปาล์มสด น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภคยังมีราคาสูง ขณะที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบยังเหลือต่ำกว่าปริมาณสำรองที่ปลอดภัยที่ 250,000-300,000 ตัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศได้ 1 เดือน โดยเดือน ม.ค.64 สต๊อกเหลือเพียง 141,130 ตันเท่านั้น จากเดือน พ.ย.63 ที่มี 301,664 ตัน และยังกังวลว่าสต๊อกเดือน ก.พ.จะลดลงไปอีก อาจทำให้ประชาชนเดือดร้อนจากราคาน้ำมันปาล์มแพงขึ้น และหากผลผลิตยังไม่ออกเพิ่มขึ้น อาจเกิดภาวะขาดแคลนได้ สาเหตุที่ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบปีนี้ลดลงจนต่ำมาก เนื่องจากปี 63 พื้นที่เพาะปลูกปาล์มประสบภัยธรรมชาติจนผลผลิตออกน้อย อีกทั้งผลปาล์มยังมีคุณภาพต่ำ ขณะที่ยังมีการใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผลิตไบโอดีเซลอยู่มากและเดือน ก.ค.-ต.ค.63 รัฐได้สนับสนุนส่งออกน้ำมันปาล์มดิบกว่า 200,000 ตันอีกด้วย
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ร้านค้าส่งได้รับผลกระทบจากน้ำมันปาล์มขวดขาดตลาดแล้ว เพราะสั่งสินค้าแล้วแต่ผู้ผลิตไม่ส่งของให้เต็มที่ หรือส่งสินค้าให้ 60-70% ของที่สั่งซื้อ เพราะโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดหลายยี่ห้อลดการส่งสินค้าลง ซึ่งเป็นเหมือนกันหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด “ร้านค้าส่งไม่ได้กักตุน มีของเข้ามาเท่าไรก็ขายหมด ส่วนราคาขายปลีกขายส่งขยับแพงขึ้นตั้งแต่ต้นทาง ขณะนี้ต้นทุนราคาส่งตกลังละ 580 บาท หรือขวดละ 48 บาทเศษ ขายต่อให้ร้านโชห่วยลังละ 590-595 บาท เพื่อให้ไปทำกำไรขายต่อได้ที่ขวดละ 52 บาท อยากให้กรมการค้าภายใน ช่วยตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มขวดของห้างปลีกสมัยใหม่ว่า มีปัญหาของขาดหรือไม่ และดูด้วยว่าใครกักตุนจนทำให้ของขาดตลาด”.