นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (DSEZMC) แจ้งยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการเขตเศรษฐกิจและท่าเรือน้ำลึกทวายของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทยและเมียนมาได้หารือร่วมกัน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดแล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 ก.พ.64 แต่เมื่อเกิดรัฐประหารก็ต้องรอดูก่อนว่าจะดำเนินการ อย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้วที่จะต้องให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ไปลงทุนในต่างประเทศทุกธุรกิจ และดูแลผลประโยชน์ของประเทศ
“การยกเลิกสัญญานี้ มีสัญญาณมาก่อนแล้ว ขณะนี้กำลังคุยให้ทุกอย่างเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ส่วนสาเหตุการยกเลิกสัญญา ต้องถามบริษัท เพราะเขาเป็นผู้ลงทุน โดยโครงการทวาย เป็นความร่วมมือของ 2 ประเทศ มีการสร้างถนนจากทวายมายังบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี มานานหลายปีแล้ว และเมื่อมีโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็จะเชื่อมโยง มาอีอีซีได้”
นายดอน กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างเมียนมา ญี่ปุ่น และไทย แต่ในช่วงที่โครงการเงียบไป ก็อาจเป็นช่วงที่ ITD ต้องการเวลาเดินหน้าโครงการนี้ตนไม่สามารถพูดแทนทั้งหมดได้ ต้องรอดูต่อไป แต่หากโครงการทวายเกิดขึ้นได้ จะเป็นประโยชน์ต่อเมียนมา ไทย และประเทศต่างๆที่ใช้เส้นทางนี้ โดยเฉพาะประเทศที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการกรณีเมียนมายกเลิกสัญญาลงทุนในทวายว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกัน ขอดูสถานการณ์การเมืองในเมียนมาก่อน แต่ขณะนี้การลงทุนต่างๆยังเดินหน้าต่อได้.