นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้จับมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) พัฒนาระบบการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการให้บริการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นการให้บริการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติ เริ่มต้นประกอบธุรกิจได้อย่างง่ายดาย สะดวก ช่วยสร้าง แรงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้น และก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย
“กรมจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับคำแนะนำจาก สพร.มาใช้เพื่อออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่นักลงทุนต่างชาติได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งประกอบธุรกิจภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการประกอบ ธุรกิจของคนต่างด้าว ให้สามารถยื่นคำขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุน และหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้ ณ จุดเดียว ที่บีโอไอ”
ทั้งนี้ การยื่นขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยทำให้ลดระยะเวลาจากเดิมตามที่กฎหมายกำหนด จะออกหนังสือรับรองได้ใน 30 วัน เป็นเหลือเพียง 5 วัน เป็นการลดต้นทุนการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจชาวต่างชาติ เช่น ลดการใช้กระดาษ เพื่อช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำธุรกิจ ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ง่ายต่อการทำธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ได้รับทราบภาพรวมขอรับส่งเสริมการลงทุน ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อปีที่ผ่านมามี 453 โครงการ มูลค่าลงทุน 208,000 ล้านบาท คิดเป็น 43% ของมูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ โดยเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ 115,000 ล้านบาท คิดเป็น 55% ของมูลค่าขอรับส่งเสริมทั้งหมดในอีอีซี และนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในอีอีซีสูงสุด มูลค่า 50,455 ล้านบาท คิดเป็น 44% อันดับสองเป็นนักลงทุนจากจีน มูลค่า 21,831 ล้านบาท ขณะที่ จากคำขอ 453 โครงการ อนุมัติคำขอแล้ว 292 โครงการ ออกบัตรส่งเสริมแล้ว 172 โครงการ และได้เริ่มลงทุน 79 โครงการ.