ผลสอบข้อเท็จจริงทุจริตซื้อถุงมือยาง 1.1 แสนล้านถึงมือ “อคส.-ป.ป.ช.-จุรินทร์” แล้ว พบ 2 ผู้บริหาร อคส. มีพฤติกรรมร่วมกับ “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.กระทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหลายฉบับ มีโทษทั้งแพ่ง-อาญา ด้าน “เกรียงศักดิ์” สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย ขีดเส้นใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้ตรวจสอบกรณีที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก จัดซื้อถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ อคส.ได้จ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง แล้วเสร็จ และส่งผลตรวจสอบให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.แล้ว ล่าสุด อคส.ได้ส่งผลสอบ ให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบการพิจารณาคดี และส่งให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พิจารณาแล้ว
สำหรับผลการสอบสรุปได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ อคส.ระดับนักบริหาร 8 จำนวน 2 คนเกี่ยวข้องกับการกระทำของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ส่วน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พบมีพฤติกรรมดังนี้ ใช้อำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อถุงมือยาง ทั้งที่ตามข้อบังคับ อคส.ในการจัดซื้อสินค้า ถ้าวงเงินที่จะจัดซื้อเกินอำนาจที่ผู้อำนวยการ อคส.จะอนุมัติได้ หรือเกินกว่า 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้ขออนุมัติต่อประธานกรรมการ อคส. ก่อน แต่กรณีนี้ได้จ่ายเงินมัดจำสูงถึง 2,000 ล้านบาท พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ได้เสนอให้พิจารณาเลย นอกจากนี้ ยังไม่เสนอเรื่องการจัดซื้อครั้งนี้ให้บอร์ด อคส.พิจารณาอนุมัติ และจงใจใช้อำนาจผู้อำนวยการทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับการ์เดียนโกลฟส์ และทำสัญญาขายกับผู้ซื้อ 7 ราย โดยที่สัญญานั้นไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ถือเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.ปี 35
และยังทำสัญญาให้ อคส.เสียเปรียบ โดยสัญญาที่ทำกับการ์เดียนโกลฟส์กำหนดให้ อคส.ชำระเงินค่าสินค้าล่วงหน้า 3 วัน นับแต่วันลงนามในสัญญา แต่กลับให้การ์เดียนโกลฟส์ส่งมอบหลัก ประกันให้ อคส.ภายใน 7 วัน ทั้งที่โดยปกติ ต้องส่งมอบหลักประกันในวันทำสัญญา เป็นเหตุให้ อคส.ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาทก่อนได้รับหลักประกันสัญญา และยังไม่กำหนดงวดการส่งมอบถุงมือยาง รวมถึงไม่ทำตามระเบียบ อคส.ว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าฯ ซึ่งก่อนจัดซื้อจัดจ้างต้องทำรายงานความจำเป็นของการจัดซื้อเสนอให้ผู้อำนวยการพิจารณาอนุมัติ และไม่ประกาศเชิญชวนให้ประกวดเสนอราคาจัดซื้อด้วย ดังนั้น นายเกรียงศักดิ์จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยโดยให้แล้วเสร็จใน 30 วัน หากพบว่ามีความผิดทางวินัยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก 1 ชุด เพื่อพิจารณาลงโทษ แต่ อคส.อาจมีคำสั่งให้พักงานไปก่อนจนกว่าการพิจารณาคดีทางอาญาจะสิ้นสุด
สำหรับทั้ง 3 ราย จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังผิดตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 151 เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐฯ โทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000-40,000 บาท รวมถึงมาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม อคส.พบว่าผลสอบนี้ยังสาวไม่ถึงตัวบุคคลสำคัญใน อคส.ที่เป็นผู้สั่งการให้ทั้ง 3 รายจัดซื้อถุงมือยาง ทั้งที่ได้มีการซัดทอดไปแล้วว่าเป็นผู้สั่งการ แต่เชื่อว่าการพิจารณาของ ป.ป.ช.จะสาวถึง และน่าจะชี้มูลความผิดบุคคลสำคัญรายนี้ได้แน่นอน.