นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะประธานกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) กล่าวถึงโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวายประเทศเมียนมา ว่า นโยบายรัฐบาลยังสนับสนุนและต้องการเดินหน้าโครงการนี้ โดยถือว่าเป็นโครงการสำคัญในทางยุทธศาสตร์
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ เช่น ถนนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่- กาญจนบุรี ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการเร็วๆนี้ ซึ่งโครงการนี้มีคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายได้แก่ไทย เมียนมาและญี่ปุ่น ซึ่งต้องมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหาทางออกโครงการให้เดินหน้าต่อไป รวมถึงต้องดูว่าจะคุ้มครองนักลงทุนไทยอย่างไร หากเขาไม่ได้ทำผิดสัญญาก็ควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนกรณีบริษัทเอกชน คือ บมจ.อิตาเลียนไทย ที่ถูกยกเลิกสัญญาสัมปทาน 7 ฉบับ คิดว่าบริษัทจะได้รับความคุ้มครองตามกฎบัตรอาเซียน บริษัทเองต้องไปดูว่าในทางกฎหมายและร่างสัญญาสามารถทำอะไรได้บ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมานายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JCC) ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการทวายฯ ได้แก่ กระทรวงคมนาคม สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. สศช. และสำนักงบประมาณ โดยประเด็นที่หารือกันคือสถานะของโครงการ การปล่อยกู้ให้รัฐบาลเมียนมา สร้างถนนจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อน กาญจนบุรี ไปถึงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ซึ่งรัฐบาลยังกันเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไว้ให้รัฐบาลเมียนมา 4,900 ล้านบาท รวมถึงแนวทางแก้ปัญหากรณีที่เอกชนไทยถูกถอนสัมปทานใน.โครงการทวาย ซึ่งจะสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อนายสุพัฒนพงษ์ต่อไป.