นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ กรณีอังกฤษหรือสหราชอาณาจักร (ยูเค) จะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) อย่างสมบูรณ์ หรือเบร็กซิต ในวันที่ 1 ม.ค.64 และยูเคจะเริ่มใช้นโยบายและมาตรการการค้าของตนเอง ประเมินว่านโยบายการค้าของยูเคจะผ่อนคลายและยืดหยุ่นกว่าของอียู เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการในยูเค รวมถึงเอื้อต่อการพัฒนาประเทศให้เป็นชาติการค้าหลังเบร็กซิต สำหรับมาตรการการค้าของยูเค ที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกไทยหลังเบร็กซิต คือยูเคจะยกเลิกภาษีศุลกากรที่เก็บกับสินค้านำเข้า 48% ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งประเทศที่ยังไม่มีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับยูเค รวมถึงไทยจะได้ประโยชน์ด้วย โดยสินค้าที่จะยกเลิกภาษีนำเข้าหลังเบร็กซิตทันที เช่น ผลไม้ อาหารสัตว์เลี้ยง เวชภัณฑ์ เศษของโลหะมีค่า เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ และวงจรพิมพ์
นอกจากนี้ ยูเคจะลดภาษีสินค้านำเข้าเหลือ 2-10% ในสินค้า 30% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณชุบโลหะ ซอส ข้าวกล้องและข้าวขาว อีกทั้งยูเคยังคงเก็บภาษีนำเข้า 12-70% กับสินค้า 10% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยไม่ได้ปรับขึ้น เช่น เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ยาสูบ ประมงแปรรูป เสื้อผ้าและผลไม้แปรรูปบางประเภท เมื่อประเมินข้อมูลการค้าไทย-ยูเค ปี 60-62 พบว่าจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยเสียภาษีให้ยูเคลดลงหรือประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายได้ 737 ล้านบาทต่อปี.