แม้ไวรัสโควิด-19 ยังไม่หายไปจากโลกนี้ แต่หลายประเทศพยายามทำทุกวิถีทางด้วยความรอบคอบ รวมทั้งไทย จะต้องเปิดประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของไทย เตรียมเปิดให้นักธุรกิจและเจ้าหน้าที่เดินทางข้ามพรมแดนระหว่างกันได้ เนื่องจากความจำเป็นทางด้านธุรกิจและการติดต่องานราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.นี้ ก่อนจะเปิดพรมแดนเพื่อการท่องเที่ยวในเร็วๆ นี้
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า การออกวีซ่าประเภทพิเศษ หรือ Special Tourist VISA ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นการเริ่มต้นในการเปิดประตูให้กลุ่มต่างชาติเข้ามาไทย ซึ่งเป็นกลุ่มทำงาน หรือมีครอบครัวในประเทศไทย เพราะการจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจริงๆ ในขณะนี้คงไม่ได้ โดยเฉพาะการกักตัว 14 วัน ถามว่าดีหรือไม่ ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพื่อเป็นการทดลองเปิดประเทศ ในการควบคุมไม่ให้ไทยมีความเสี่ยง ภายใต้กฎระเบียบตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้
ส่วนการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านมาตรการต่างๆ ต้องยอมรับทำได้ไม่เต็มที่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยกตัวอย่างโครงการเที่ยวปันสุข เพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขฯ เที่ยวไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมมีการตั้งเป้าดีมากให้เที่ยวผ่านบริษัททัวร์ แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับพบว่ามีการผูกขาดไม่กี่กลุ่ม ทำให้ไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสุดท้ายไปบีบร้านค้า ร้านอาหารในราคาที่ต่ำมาก ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียน
นอกจากนี้โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" พบว่าไม่เข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากติดขัดเรื่องวิธีการใช้สิทธิ์ ซึ่งมีความยุ่งยากมาก แต่เห็นด้วยที่มีการขยายเวลาไปถึงสิ้นเดือนม.ค.ปีหน้า ควรมีการปรับปรุงระบบให้ใช้ได้ง่ายมากขึ้น เพราะไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุที่เจอปัญหา ยังมีหลายกลุ่มที่เจอปัญหาในการใช้เช่นกัน ควรเปลี่ยนเป็นวิธีง่ายๆ ด้วยการแจกคูปอง เนื่องจากกลุ่มคนอายุ 40-50 ขึ้นไป เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ แต่เจอปัญหาในการใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก ทั้งคนใช้บริการและร้านค้า
“การมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เพราะตอนนี้กำลังซื้อของคนในประเทศ หดหายหมดแล้ว ต้องหาวิธีการทำธุรกิจแบบใหม่ และธุรกิจท่องเที่ยวทรุดลงมากๆ แย่ไปหมด หากสายป่านไม่ดีก็จบ จะมีคนตกงานจำนวนมาก หลังมีคนตกงานไปแล้วกว่า 2 ล้านคน"
อย่างไรก็ตามเพื่อความอยู่รอด ซึ่งขณะนี้ร้านค้าบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมด รวมถึงร้านอาหาร ภัตตาคาร สปา รวมกว่า 100 คน จะรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดประเทศ ถ้าไม่เปิดประเทศเศรษฐกิจก็อยู่ไม่ได้ และเสนอให้นำแนวคิด "ทราเวลบับเบิล" กลับมาใช้ เลือกประเทศที่ปลอดโควิดอย่างน้อย 2 เดือน ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ไม่ต้องกักตัว 14 วัน เพราะบริษัททัวร์มีการทำประกันไว้ให้ มีการตรวจสอบอยู่แล้วก่อนเข้าประเทศ และต้องมีการควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวออกนอกเส้นทาง
สำหรับจังหวัดที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องให้ประชาชนในพื้นที่เห็นด้วย และเมื่อเปิดจังหวัดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ต้องมีการจำกัดพื้นที่โดยจัดให้เป็นสัดส่วน ซึ่งรัฐบาลต้องสนับสนุนนแนวคิดนี้ เพราะอย่างน้อยจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยจนถึงสิ้นปีนี้ ประมาณ 1 แสนคน และมีรายได้ประมาณ 4-5 พันล้านบาทก็ยังดี หากเจอนักท่องเที่ยวติดเชื้อโควิด 1 หรือ 2 คน สามารถล็อกตัวนำไปรักษาได้ เนื่องจากไทยมีความพร้อม โดยวันที่ 19 ต.ค.นี้ จะมีการแถลงข่าวข้อเสนอของผู้ประกอบการ และวันที่ 20 ต.ค. จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป
ขณะเดียวกันจากกระแสข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มแรก ซึ่งจะเช่าเครื่องเหมาลำ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต หลังเทศกาลกินเจ ล่าสุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง มาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ แทน ประมาณวันที่ 20 กว่าๆ โดยเป็นนักท่องเที่ยว จากเมืองกวางโจว ประเทศจีน นั่งเครื่องเหมาลำ มาจำนวนกว่า 150 คน เนื่องจากกรุงเทพฯ มีความพร้อม โดยเฉพาะโรงแรมที่รองรับในการกักตัวของนักท่องเที่ยว ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจัดเป็นสัดส่วน.