“ไลน์แมนวงใน” ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มอาหารในประเทศไทย

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“ไลน์แมนวงใน” ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มอาหารในประเทศไทย

Date Time: 15 ก.ย. 2563 07:53 น.

Summary

  • ไลน์แมนวงใน บริษัทที่เกิดจากควบรวมกิจการระหว่างไลน์แมน (LINE MAN) แอปพลิเคชันขนส่งสินค้าและบริการ และวงใน (Wongnai) แอปพลิเคชันรวบรวมข้อมูลร้านอาหาร ได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก

Latest

จากเด็กชอบคอมพิวเตอร์สู่ "iHAVECPU" จากทุน 4 หมื่นสู่ยอดขาย 1,800 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย.63 ไลน์แมนวงใน บริษัทที่เกิดจากควบรวมกิจการระหว่างไลน์แมน (LINE MAN) แอปพลิเคชันขนส่งสินค้าและบริการ และวงใน (Wongnai) แอปพลิเคชันรวบรวมข้อมูลร้านอาหาร ได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่ขั้นตอนการควบรวมกิจการเสร็จสิ้นลง มีผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 ที่ผ่านมา โดยนายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไลน์แมน วงใน เปิดเผยว่า ไลน์แมน วงใน มีเป้าหมายก้าวขึ้นสู่การเป็นแพลตฟอร์มอาหารเบอร์ 1 ในประเทศไทยภายใน 3 ปีข้างหน้า ด้วยจำนวนร้านอาหารที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มไม่ต่ำกว่า 400,000 ร้านทั่วประเทศและฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ผู้ใช้ไลน์แมนต่อเดือน (active user) มีมากกว่า 3 ล้านคน

นายยอด กล่าวถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของไลน์แมน วงในว่า ประกอบด้วยไลน์ (LINE) ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 45% ที่เหลือเป็นวงใน และ BRV Capital Management ซึ่งอัดฉีดเงินเข้ามาลงทุน 110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3,300 ล้านบาท) เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยสัดส่วนถือหุ้นได้ “เงินลงทุนใหม่จะถูกนำมาขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตในอนาคตให้กับไลน์แมน วงใน โดยโฟกัสไปที่ธุรกิจส่งอาหารเป็นหลัก ซึ่งหลังมีสภาพคล่องเข้ามาใหม่ เราแข่งขันได้ดีขึ้นทันที โดยได้เปิดบริการส่งฟรี 3 กิโลเมตรแรก ช่วยดันยอดผู้ใช้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังจะทำโปรโมชันเพิ่มเติมกับร้านอาหาร รวมทั้งขยายบริการอื่นๆเพิ่มเติม”

ทั้งนี้ พนักงานของไลน์แมน วงใน มีจำนวนทั้งสิ้น 600 คน โดยเป็นพนักงานจากไลน์แมนและวงใน ที่ถูกโอนย้ายมารวมกัน และนายยอดซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชันวงใน ถูกเลือกให้ขึ้นบริหารในตำแหน่งซีอีโอ โดยเขายืนยันว่าไม่มีการปลดพนักงานและมีเป้าหมายรับคนเพิ่มเพื่อรองรับการขยายงานด้วย

“ปัจจุบันธุรกิจส่งอาหาร หรือ Food Delivery แข่งขันกันรุนแรง ทำให้บอกไม่ได้ว่าเมื่อไรแต่ละรายจะมีกำไร แต่ธรรมชาติของธุรกิจคือหากมีคนใช้งานมากขึ้น ต้นทุนจะถูกลง ผู้ให้บริการทุกรายในตลาด จึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนลูกค้าให้ได้มากที่สุด และภาวะเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของธุรกิจด้วย แต่ธุรกิจส่งอาหารได้รับผลดีจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตมากกว่า 100% จากที่คาดว่าทั้งปีจะโต 84%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ