นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-บังกลาเทศ (เจทีซี) ครั้งที่ 5 ว่า ได้หารือครอบคลุมการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรม เกษตร ประมงและปศุสัตว์ และความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ควบคู่กับการส่งเสริมการค้าการลงทุน เพื่อผลักดันให้มูลค่าการค้า 2 ฝ่ายบรรลุเป้าหมาย 60,000 ล้านบาท ในปี 2564 โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกันโดยเร็วที่สุด ไทยและบังกลาเทศสามารถใช้จุดแข็งของที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศ เป็นปัจจัยส่งเสริมให้การค้าสินค้า บริการ และการลงทุน ได้รับการต่อยอดสู่ภูมิภาคใกล้เคียง โดยไทยมีที่ตั้งอยู่บนจุดเชื่อมต่อทางบกและทางทะเลของอาเซียน มีโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบรองรับการลงทุน ผ่านเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เป็นจุดกระจายสินค้าของบังกลาเทศสู่อาเซียนและเอเชียตะวันออก
ขณะที่บังกลาเทศตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ของมหาสมุทรอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางของจีน มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เอื้อต่อการเป็นประตูการค้าให้กับสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา โดยไทยจะผลักดันให้ทั้ง 2 ฝ่าย สร้างความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือระนองของไทยและท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ เป็น
ช่องทางขนส่งสินค้าที่สำคัญระหว่างกันต่อไป.