จ่อคลอดเกณฑ์บัตรคนจน “อุตตม” ไม่ลืม ดันต่อมารดาประชารัฐ

“อุตตม” สั่งตั้งกองประชารัฐสวัสดิการดูแลผู้ถือบัตรคนจน ชี้ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ ใช้เกณฑ์รายได้ครอบครัว บัตรเครดิต–รถยนต์ไม่นับรวม จ่อคิวเสนอ ครม.ไฟเขียว พร้อมเดินหน้าสุดลิ่ม “มารดาประชารัฐ” เดินตามนโยบายหาเสียง

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง จัดตั้งกองประชารัฐสวัสดิการ เพื่อเข้ามาดูในเรื่องของสวัสดิการให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน จำนวน 14.6 ล้านราย พร้อมเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ อีกทั้งเรื่องสวัสดิการเป็นงานประจำที่ กระทรวงการคลังต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง และต้องตรวจสอบข้อมูลรายได้ของผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ทุกปี จากของเดิมเปิดให้ลงทะเบียนไว้เมื่อปี 2560 และใช้ฐานรายได้ในปี 2562 ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นจนพ้นเส้นความยากจนที่กระทวงการคลังกำหนดไว้ 100,000 บาทต่อปีแล้ว

ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.2563 กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ ซึ่งข้อเสนอเบื้องต้นจะนำรายได้ครอบครัวมาใช้เป็นเกณฑ์ประเมินร่วมกับรายได้ส่วนบุคคลที่กำหนดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ส่วนข้อมูลบัตรเครดิตและรถยนต์ ยังไม่นำมาพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากนำรายได้ครอบครัวมาประเมิน ทำให้ผู้ได้รับบัตรสวัสดิการหายไปส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันพร้อมเปิดให้คนใหม่เข้ามาลงทะเบียนเพิ่มเติมด้วย

“เดิมการลงทะเบียนบัตรคนจนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันที่ 24 ธ.ค.62 แต่ไม่ทัน เพราะต้องปรับแก้ในบางประเด็น เช่น เรื่องการคิด รายได้ครัวเรือนยังไม่ตรงกัน ผมไม่อยากให้เกณฑ์ดังกล่าวไปดึงคนให้เข้ามารับบัตรมากขึ้น เพราะจุดประสงค์คือ คนที่ได้บัตรต้องจนจริงๆ และอยู่ในครอบครัวไม่มีฐานะร่ำรวย หากมีรายได้ ของครอบครัวปีละ 1 ล้านบาท ก็ไม่ควรได้รับบัตรทั้งครอบครัว”

นายอุตตม กล่าวอีกว่า คลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสวัสดิการเพิ่มเติม คือ มารดาประชารัฐ ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ช่วยเหลือแม่ที่มีรายได้น้อยเพิ่มเติมจากที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเงินค่าเลี้ยงดูเด็กอายุ 0-6 ขวบ

“กระทรวงการคลังจะนำข้อมูลจากการใช้จ่ายผ่านระบบอีเพย์เมนต์ (E-Payment) ในบัตรสวัสดิการ เข้ามาพิจารณาว่าจะให้สวัสดิการอะไรเพิ่มเติม ซึ่งในปีงบ 2563 ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ 40,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่เพียงพอก็สามารถขอเพิ่มเติมได้”.