นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หัวใจหลักของธุรกิจประกันภัยในอนาคต คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้เพื่อพัฒนาประกันภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในเรื่องขั้นตอนหรือการบริการลูกค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าบริการทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันธุรกิจประกันภัยกับประเทศอื่นๆ ในตลาดประกันภัยได้ โดยในปีหน้าภาครัฐจะเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อดึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงประกันภัยมากขึ้น เช่น พ่อค้า แม่ค้า เป็นต้น ที่ปัจจุบันยังไม่เข้าไม่ถึงการประกันภัยใดๆ โดยจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือนำระบบบิ๊กดาต้ามาใช้ในประเมินความเสี่ยงในการทำประกันภัย และคำนวณดอกเบี้ย เพราะประกันภัยแต่ละประเทศให้ความคุ้มครองแตกต่างกัน เช่น ประเทศไทย ไม่มีประกันภัยสึนามิ ส่วนเรื่องการเพิ่มประภัยหรือประกันอุบัติเหตุ ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) กำลังศึกษาอยู่ว่าควรจะมีหรือไม่
“ธุรกิจประกันภัยของประเทศไทย ยังมีดอกเบี้ยสูงกว่าคู่แข่งในตลาด แม้ว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะติดอันดับต้นๆ ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดของโลก มีการใช้อินเตอร์เน็ต 82% ของจำนวนประชากร แต่ประเทศไทยไม่ได้นำข้อได้เปรียบเหล่านี้มาปรับใช้กับธุรกิจประกันภัย จึงต้องเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการให้บริการ เพื่อส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันของลูกค้ามีราคาที่ถูกลง”.