พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดตัวเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “พลังภาคเอกชนจะร่วมสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้ประเทศไทยได้อย่างไร และภาครัฐพร้อมสนับสนุนอะไรบ้าง” ว่า รัฐบาลได้ริเริ่มทางการเงิน การคลังสมัยใหม่ นำเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 และเทคโนโลยี 5 จี แต่สิ่งที่สำคัญคือจะทำให้เกิดความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชนและภาคประชาชนได้อย่างไร
“ตอนนี้ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงมาก ท่องเที่ยวเข้ามาจนเงินเต็มประเทศ และมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูง จนไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง หลายคนเอาเงินดอลลาร์สหรัฐฯมาเก็บในไทย ทำอย่างไรที่จะใช้จ่ายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯให้มากขึ้น ขอให้ช่วยกันคิด เพื่อช่วยกันทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากได้อ่อนค่าลง เพราะหลายอย่างทำไปแล้ว เช่น ลดดอกเบี้ย แต่ก็ทำได้แค่นี้ ถ้าเราใช้จ่ายเป็นเงินดอลลาร์ เงินพวกนี้จะออกไป ขอให้ช่วยกันดีกว่ามาเรียกร้องมากมาย”
ด้านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.หรือสภาพัฒน์) กล่าวว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของไทยในปัจจุบัน รายได้ของคนรวยที่สุดนั้น สูงกว่ารายได้ของคนจนที่สุด อยู่ถึง 19.29 เท่า ขณะที่ชนชั้นกลาง-กลางล่าง มีสัดส่วนรายได้
รวม 35.33% ส่วนกลุ่มคนรวยมีสัดส่วนรายได้ถึง 68.84% อีกทั้งคนรวยมีโอกาสเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีสูงกว่าคนจน เมื่อดูด้านบริการจากภาครัฐ คนไทย 99.95% เข้าถึงหลักประกันคุณภาพอย่างทั่วถึง แต่การกระจายบุคลากรทางการแพทย์แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำในโอกาสเข้าถึงและคุณภาพการให้บริการ.