รัฐควัก 4.3 พันล้านดูแลเกษตรกร เร่งทำแผนผลผลิตออกสู่ตลาด มั่นใจช่วยขายได้ราคาไม่ตกต่ำ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้อนุมัติกรอบวงเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรประจำปีงบประมาณ 63 วงเงิน 4,389.49 ล้านบาท เพื่อทำแผนช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกพืชเกษตร 10 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ กุ้ง สุกร ไข่ไก่ เกลือ หอมหัวใหญ่ และกระเทียม

“ขณะนี้ กรมในฐานะที่เป็นผู้ดูแลและบริหารการใช้เงินกองทุน คชก. ได้ทำเรื่องเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขออนุมัติการใช้เงินแล้ว หลังจากที่ คชก.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อกระทรวงการคลังอนุมัติ ก็จะทำให้ใช้เงินเพื่อดูแลพืชเกษตร 10 ชนิดในช่วงที่มีปัญหาราคาตกต่ำได้”

โดยแนวทางการใช้เงินกองทุน คชก. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนั้น จะเน้นการเชื่อมโยงตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก, ชะลอการจำหน่าย ในช่วงที่ราคาไม่ดี, เร่งรัดผลักดันการส่งออก เพื่อเร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาด เป็นต้น ซึ่งพืชเกษตรแต่ละชนิด หน่วยงานที่ดูแลจะจัดทำแผนดำเนินการส่งมาให้กรม ก่อนที่จะอนุมัติใช้งบกองทุนช่วยเหลือต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตได้คุ้มต้นทุน ป้องกันปัญหาราคาตกต่ำและทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับสินค้าเกษตรที่ยังมีปัญหาด้านราคา เช่น ข้าวเปลือกเจ้า จะต้องมีมาตรการเสริมเพื่อผลักดันราคาให้สูงขึ้น เช่น การเก็บสต๊อก การให้สินเชื่อกับกลุ่มสหกรณ์หรือโรงสี เพื่อชะลอการขาย ส่วนปาล์มน้ำมัน จะเร่งติดตั้งมิเตอร์ที่แทงก์เก็บน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อตรวจสอบปริมาณสต๊อก และเร่งผลักดันส่งออก ขณะที่กุ้งมีแนวโน้มจะมีปัญหาราคา โดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามที่ผลผลิตมีมาก แต่ความต้องการบริโภคลดลง ขณะที่หมูมีแนวโน้มราคาลดลงเพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจ หลังจากเกิดโรคอหิวาต์ระบาดในจีนและประเทศเพื่อนบ้าน แม้ในไทยไม่มีการระบาด แต่มีความกังวลทำให้ชะลอการบริโภคฉุดราคาลดลง ส่วนมันสำปะหลัง ที่แม้ราคาปัจจุบันยังทรงตัวในระดับสูง แต่ก็ต้องมีมาตรการเสริมรองรับไว้ก่อน เป็นต้น.