ลุ่มเจ้าพระยา 8 จังหวัดขาดน้ำหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมชลประทานว่า กรมได้สำรวจปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ล่าสุด และจัดทำแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 62/63 ทั่วประเทศ พบว่า สามารถเพาะปลูกได้ 7.24 ล้านไร่ แบ่งเป็นปลูกข้าวรอบ 2 พื้นที่ 4.57 ล้านไร่ พืชไร่ พืชสวน 2.67 ล้านไร่ จากปีก่อนที่สามารถเพาะปลูกข้าวรอบ 2 ได้ 11.36 ล้านไร่ เป็นการเพาะปลูกในเขตชลประทาน 2.83 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 4.41 ล้านไร่ ทั้งนี้ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด มีการเพาะปลูกได้ 1.67 ล้านไร่ ในเขตชลประทานไม่สามารถส่งน้ำให้ทำการเกษตรได้ จึงไม่สามารถปลูกข้าวได้ แต่นอกเขตสามารถทำการเกษตรได้ คือ ปลูกข้าวรอบ 2 พื้นที่ 1.08 ล้านไร่ พืชไร่ 0.52 ล้านไร่ พืชผัก 0.07 ล้านไร่

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ได้แจ้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับทราบข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่จะใช้ทำการเกษตร เพื่อนำไปประกอบการวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 62/63 หลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำ ปริมาณฝนสะสม และประเมินปริมาณน้ำต้นทุนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่ง

ณ วันที่ 1 พ.ย.62 โดยพบว่า มีอ่างขนาดใหญ่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทาน 25 แห่ง ซึ่งจะมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสนับสนุนการเพาะปลูก ใน 8 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ และชัยภูมิ

นอกจากนี้ จากการประชุมทำแผนจัดการน้ำต้นทุน และแผนปฏิบัติการปี 63-64 จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พบว่า มีน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง สำหรับใช้ผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคของจังหวัด รวม 5 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ถือว่าเหลือน้อย รวมทั้งน้ำในขุมเหมือง 109 แห่ง มีความจุรวมเพียง 21.03 ล้าน ลบ.ม. เพราะประสบสภาวะฝนทิ้งช่วง อีกทั้งปริมาณฝนมีน้อย อาจจะไม่เพียงพอในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง เนื่องจากในพื้นที่มีความต้องการใช้น้ำอุปโภคบริโภคเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ดังนั้น ภูเก็ตจึงเป็นพื้นที่เป้าหมายเสี่ยงภัยแล้ง จึงจำเป็นต้องวางแผนการใช้น้ำอย่างรอบด้าน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ปี 63 และในอนาคต อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้มีการเตรียมการป้องกันภัยแล้งในระยะยาว รวมทั้งฤดูแล้งที่จะถึงนี้ด้วย.