นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย 3 กลุ่มที่ต้องติดตามประกอบด้วย ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ “เอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ที่ 3.4% ของสินเชื่อรวม แต่ยังเพิ่มขึ้น เพราะมี
เอ็นพีแอลไหลกลับ โดยอยู่ในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี รายใหญ่ และต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากส่งออก”
ทั้งนี้ ที่ภาคการเกษตรประสบปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำและยังประสบปัญหาน้ำท่วม ภาคอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก และอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียม ที่มีความผิดปกติจากต่างชาติเข้ามาเก็งกำไร ขณะที่ภาคการก่อสร้างประเภทอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี สำหรับสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ยังคงเป้าหมายการเติบโตที่ 3-4% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อจะหดตัว 3.2% เกิดจากมีการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้ารายใหญ่ แต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยอดสินเชื่อจะมีการเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซันของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดสินเชื่อทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาย ธนาคารยังตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่สูงถึง 186% และยังสูงกว่าระบบที่อยู่ 145% ดังนั้น ในไตรมาส 3-4 ธนาคารจะตั้งสำรองในระดับปกติ.