เกษตรยิ้มร่า ราคาสินค้าเกษตร เดือนก.ค. ขยับขึ้น ทั้งข้าวเหนียว- ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-น้ำตาล-ยาง–มัน-ปาล์ม-สุกร-กุ้ง หลังภัยแล้งทำผลผลิตลด ยกเว้นข้าวหอมมะลิ-ข้าวเจ้า ราคาร่วง จากบาทแข็ง
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงการคาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนก.ค.2562 ว่า สินค้าเกษตรที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.89-2.22% อยู่ที่ราคา 11,709-11,863 บาทต่อตัน เนื่องจากภาวะภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังลดลง ประกอบกับมีความต้องการนำไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้น ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.50-0.80% อยู่ที่ราคา 7.82-7.84 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เนื่องจากอยู่ในช่วงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน (เดือนมี.ค.-ส.ค.) ทำให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดมีน้อย ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังคงมีต่อเนื่อง
ส่วนน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3-5% อยู่ที่ราคา 13.13-13.39 เซนต์ต่อปอนด์ หรือ 8.95-9.12 บาทต่อกก. โดยคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำตาลของอินเดียในปี 2562/63 จะลดลง 15% จากภาวะภัยแล้งและฤดูมรสุมล่าช้า ประกอบกับผลผลิตน้ำตาลของบราซิลฤดูการผลิต 2562/63 ปรับตัวลดลง 11.96%
ขณะที่ยางพาราแผ่นดิบ ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.42-6.33% อยู่ที่ราคา 51.27-53.23 บาทต่อกก. เนื่องจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ปรับรูปแบบตลาดยางพาราในทุกพื้นที่เป็นเครือข่ายตลาดกลางยางพารา ทำให้เกษตรกรจำหน่ายยางพาราได้ในราคาที่สูงขึ้น และจากมาตรการการใช้ยางพาราภายในประเทศ
ส่วนมันสำปะหลัง ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.60-9.75% อยู่ที่ราคา 1.65-1.80 บาทต่อกก. เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับในเดือนก.ค. 2562 ปริมาณฝนจะลดลงต่ำกว่าปกติ 10% ส่งผลให้คุณภาพหัวมันสำปะหลังและราคารับซื้อเพิ่มขึ้น ส่วนปาล์มน้ำมัน ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.75-2.27% อยู่ที่ราคา 2.66-2.70 บาทต่อกก. เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันมีปริมาณลดลงตามรอบการผลิต ประกอบกับนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มกำลังการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ซึ่งจะดำเนินการจนถึงเดือนส.ค. 2562 ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเพิ่มขึ้น
ส่วนสุกร คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือน 1.50-3.00% อยู่ที่ราคา 72-74 บาทต่อกก. เนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา (ASF) ในประเทศเพื่อนบ้านและการปลดแม่พันธุ์สุกร ทำให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง และกุ้งขาวแวนนาไม คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.48-1.92% อยู่ที่ราคา 140-142 บาทต่อกก. เนื่องจากเกษตรกรลดปริมาณการปล่อยลูกกุ้ง ทำให้ปริมาณกุ้งที่จะออกสู่ตลาดลดลง และส่งผลให้ราคากุ้งขาวแวนนาไม ปรับเพิ่มขึ้น
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 0.21-0.60% อยู่ที่ราคา 7,734-7,751 บาทต่อตัน เนื่องจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างประเทศจีนและประเทศสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ประกอบกับคาดว่า ประเทศฟิลิปปินส์จะลดความต้องการนำเข้าข้าว และนำเข้าข้าวจากเวียดนามไปสะสมในสต๊อกแทน รวมถึงข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาจะลดลงขึ้นจากเดือนก่อน 0.45-0.60% อยู่ที่ราคา 15,697-15,721 บาทต่อตัน เนื่องจากราคาส่งออกของไทยมีแนวโน้มสูงกว่าคู่แข่งจากการที่เงินบาทที่แนวโน้มแข็งค่า ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวหอมจากเวียดนามและกัมพูชาที่มีราคาถูกกว่า.