ในอดีตใครจะไปรู้อาชีพเก็บขยะขาย ผู้คนต่างยี้มองเป็นสิ่งสกปรก ได้ทำให้ชีวิตหลายคนเจริญก้าวหน้า มีเงินมีทองคนนับหน้าถือตา แต่กว่าจะประสบความสำเร็จ ต้องผ่านอุปสรรคมากมายล้มลุกคลุกคลานด้วยความอดทนอุตสาหะ กลายเป็นกูรูด้านขยะระดับประเทศ และได้ต่อยอดธุรกิจโกอินเตอร์
หนึ่งในนั้น “ดร.สมไทย วงษ์เจริญ” ประธานกรรมการ บริษัท วงษ์พาณิชย์ จำกัด ผู้ได้ฉายาราชาขยะ เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทอง ดำเนินธุรกิจจนเติบโตมากว่า 45 ปี กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า เป็นลูกชายคนที่ 6 จากจำนวนพี่น้อง 9 คน ในครอบครัวคนจีนซึ่งมีอาชีพค้าขาย โดยตัวเขาเองเลิกเรียนตั้งแต่ม.3 ออกมาค้าขาย มีความคิดแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ ที่เรียนดีสร้างความภาคภูมิใจให้กับเตี่ยและแม่ และการตัดสินใจของเขา ชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เจออุปสรรคมากมายในการทำอาชีพต่างๆ ทั้งการขายเสื้อผ้า ขายลอตเตอรี่ เป็นของใหม่ให้คนเลือกซื้อ ซึ่งทำได้ไม่ดี
วันหนึ่งไปเห็นป้าเก็บขยะในวัด ได้เอ่ยถามว่าจะเอาขยะไปไหน จนได้คำตอบมันเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น จึงเกิดปัญญาสว่างมันทำเงินได้จริงๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เก็บแล้วขายก็ได้เงิน ทว่าครอบครัวไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเตี่ยกับแม่รู้ ได้ต่อว่าหาว่าปกติดีหรือเปล่า จะบ้าหรือ ถึงมาเก็บขยะขาย เป็นอาชีพที่สกปรก จนเตี่ยประกาศตัดลูกเกือบ 3 ปี แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหยุด ค่อยๆ รับซื้อขยะ จนขยายกิจการ พัฒนามาสู่อาณาจักรวงษ์พานิชย์ ค้าขยะรีไซเคิลระดับชาติจนถึงทุกวันนี้ มีพันกว่าสาขาในไทย พนักงานหมื่นกว่าคน รวมถึงต่างประเทศ สาขาในลาว 9 แห่ง ยังมีในเมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น โดยเฉพาะสหรัฐฯ มี 4 สาขายักษ์ใหญ่
“ขยะเป็นอาชีพ มีมาช้านานแล้ว 100 กว่าปี ตั้งแต่อาแปะเก็บขวดขาย เป็นธุรกิจที่มีกุศลในตัวของมัน นอกจากสร้างรายได้อาชีพของคนจนแล้ว ยังเป็นการประหยัดทรัพยากร ถือเป็นโอกาสทำบุญกับชาวโลกครั้งใหญ่ เปรียบเหมือนทรัพยากรเหมืองแร่ขยะบนดิน มีคนมาเติมให้ตลอดเวลาไม่หมด จนสามารถทำเงินได้ตลอด แม้ที่ผ่านมามีอุปสรรคจากทัศนคติของผู้คนที่มองว่าอาชีพขยะ ไม่สวยงาม แต่ชีวิตเราไม่เกี่ยวกับใคร ต้องมีจุดยืน เพราะขยะสร้างรายได้ จากสิ่งที่คนทำโยนทิ้งปูราดด้วยขยะ กลายเป็นเงินเต็มถนน ดังนั้นขยะจะน่ารังเกียจหรือไม่ ให้คิดดู ทุกวันนี้ขยะท่วมเมือง เปรียบเหมือนทองท่วมเมือง”
จากความสำเร็จทุกวันนี้ของ ดร.สมไทย ได้ขยับขยายทำเป็นแฟรนไชส์ มีการอบรมให้กับผู้สนใจเป็นเวลา 5 วัน โดยเปิดสอนในวิชานวัตกรรมขยะวิทยา ซึ่งสอนในเชิงธุรกิจเน้นการพึ่งตนเอง ต้องเป็นคนดีมีศีลธรรรม ไม่โกงตาชั่ง จะสามารถทำอาชีพนี้ได้และมีความเจริญก้าวหน้า
ส่วนราคากลางรับซื้อสินค้าขยะจะขึ้นลงเปลี่ยนแปลงทุกวัน เหมือนราคาทองจากปัจจัยโลก ซึ่งอิงตลาดกลางนานาชาติ และแน่นอนสินค้าที่มีวอลุ่มสูง เช่น กระดาษ ราคาแพงมากสุดมีมูลค่าสูง แม้ราคารับซื้อต่อกิโลกรัมจะไม่มากก็ตาม แต่กระดาษมีคนใช้ในแต่ละวันมีจำนวนมากทำให้มีปริมาณมากถึงแสนตันต่อเดือน และยังมีเศษเหล็ก ขวดแก้วทุกอย่าง ซึ่งมีราคา
นอกจากนี้ จากนโยบาย 3 R ลดขยะของรัฐบาล ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจขยะ นำไปต่อยอดสู่ธุรกิจรีไซเคิลขยะ จากสมัยก่อนคนรังเกียจขยะโยนให้เป็นหน้าที่รัฐนำไปกำจัด ซึ่งการเผาขยะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อควันดำ ฝุ่นละออง และก่อให้เกิดน้ำเสียลงสู่ทะเล กระทั่งมีการกระตุ้นคนในสังคมให้มีจิตสำนึกได้เข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจรีไซเคิลเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้กำลังย่ำแย่ กิจการต่างๆ ต้องเลิกกิจการ ตรงข้ามกับธุรกิจขยะซึ่งไปได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจของวงษ์พาณิชย์ ขณะนี้ทำครบวงจรตั้งแต่การกำจัดระดับครัวเรือน ไปสู่ระดับอุตสาหกรรม
“หากใครจะเริ่มต้นทำธุรกิจขยะ อาจเริ่มจากรถปิกอัพ เริ่มจากห้องแถวเล็กๆ ตามทุนที่มี หรือไม่มีทุนเลย ขอให้มีมือมีแขน ให้ไปติดต่อที่ห้างขอคัดแยกขยะ ได้รายได้เดือนละ 5 หมื่น ถามว่ารังเกียจหรือไม่ อุปสรรคทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา เพราะมีหลายคนถือถุงปุ๋ยเก็บขยะ กลายเป็นเถ้าแก่มาแล้วหลายราย ย้ำต้องไม่โกงตาชั่ง โดยแต่ละปี มีสินค้าขยะทุกอย่างเข้ามายังวงษ์พาณิชย์ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พอเลี้ยงดูพนักงานทั้งหมื่นกว่าคน ให้สามารถดูแลครอบครัวได้จากขยะ ถือว่าวงษ์พาณิชย์ เป็นธนาคารขยะ จากของที่คนใช้คำว่ารังเกียจ ตอนนี้มีมูลค่าสูงขึ้น”
ดร.สมไทย ยังเล่าประสบการณ์ในการทำอาชีพขยะ ว่า ธุรกิจขยะในไทยจะซื้อมาขายไป ตรงข้ามกับสหรัฐฯ ซึ่งแต่ละครัวเรือนมีการคัดแยกขยะมาแล้ว นำมาให้ฟรีๆ โดยผู้ทำหน้าที่กำจัดขยะยังสามารถเรียกเงินค่ากำจัดขยะได้อีก ถือเป็นโอกาสของวงษ์พาณิชย์ในการไปเปิดสาขาใหญ่ในสหรัฐฯ เนื่องจากกฎหมายต่างๆ ของสหรัฐฯ มีการเอื้อต่อการทำธุรกิจขยะ ซึ่งต้องการให้ขยะหมดไปโดยเร็ว โดยรัฐบาลมีนโยบายบังคับให้ประชาชนต้องแยกขยะ ตรงข้ามกับไทยที่ในกทม.เพิ่มค่าเก็บขยะ แต่ไม่สร้างจิตสำนึกของคนในการคัดแยกขยะอย่างจริงจังเป็นระบบ
ขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มไฟแรง "ธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์" ประธานบริษัท ปราบขยะรีไซเคิล จำกัด เจ้าของธุรกิจขยะเงินล้าน กล่าวกับ "ทีมเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า หลังจากเรียนจบเศรษฐศาสตร์ปรัชญาการเมือง ไม่ชอบทำงานออฟฟิศ อยากหาอาชีพรวยง่ายๆ และในอดีตที่บ้านทำโรงกลึง มีฐานะดี ต่อมาเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ทำให้ล้มละลาย มีวันหนึ่งได้เห็นยายแก่เก็บขยะอยู่หน้าบ้าน และเกิดความสงสารจึงให้เงินไปแต่ยายปฏิเสธ จึงกลับไปถามแม่ ทำให้รู้ว่ายายแก่คนนี้มีเงินเป็นหมื่นจากการเก็บขยะขาย ทำให้เกิดแนวคิดทำธุรกิจขยะ โดยช่วงแรกในปี 2548 ไปเช่าที่ดิน 2 ไร่ ราคา 3 พันบาทต่อเดือน แถวลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี มีกำไรจากการรับซื้อขยะ 100-200% เมื่อคิดเป็นเงินถือว่าเล็กน้อย ต่อมาจึงเริ่มซื้อขยะจากคนในพื้นที่ เริ่มซื้อรถใส่ขยะ ให้ได้ขยะในปริมาณมากๆ และสามารถขายขยะได้แพงขึ้น จากกำไรส่วนต่างที่ได้มากขึ้น
หนุ่มธีรวงศ์ ยอมรับที่ผ่านมาเจอกับอุปสรรคปัญหา แต่ได้ฝ่าฟันเริ่มจากพื้นที่ในตำบล และขยายกว้างขึ้น กระทั่งปัจจุบันต่อยอดธุรกิจไปสู่ระดับโลก มีการซื้อหุ้นกิจการในประเทศสเปน และมีตลาดทางยุโรป ซึ่งได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทจนทุกวันนี้ ในการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ พร้อมการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทคโนโลยีขยะกับต่างประเทศ และทิศทางในอนาคต นำไปสู่ธุรกิจรีไซเคิลขยะพลาสติก ซึ่งสร้างมูลค่าเป็นอย่างมาก โดยซื้อที่ดินแปลงใหม่ 10 ไร่ ใกล้ๆ พื้นที่เดิม นำขยะพลาสติกทุกอย่างไปรีไซเคิล
“เคยรับซื้อซากรถ นำมาแยกออกมา และเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งเคยซื้อมา 1 ลำ ไม่กี่พันบาท แต่ไม่คุ้ม ต้องเสียค่าขนย้าย ทำให้ปัจจุบันเน้นเฉพาะขวดและถุงพลาสติก รับซื้อวอลุ่มทีละมากๆ อาทิ ขวดน้ำพลาสติก ซึ่งเป็นสินค้าใช้ในชีวิตประจำวัน รับซื้อกิโลกรัมละ 16 บาท และยอมรับปัญหาในการทำธุรกิจ เกิดจากไทยห้ามนำเข้าขยะ และรัฐบาลไม่มีคนรู้จริงในด้านขยะ ไม่สามารถออกกฎหมายให้ตรงจุด ทั้งที่ตนเองอยากเห็นไทยเป็นศูนย์กลางรีไซเคิล แต่ติดตรงกฎหมายของไทยมันแปลกมากๆ”
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการอบรมแฟรนไชส์ "ปราบขยะ" ซึ่งมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นให้ความสนใจเป็นส่วนใหญ่เพราะอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ลงทุนหลักหมื่นในการเริ่มธุรกิจขยะ และมีหลายคนประสบความสำเร็จจากเด็กวัยรุ่นบางคนเกเร สร้างปัญหา จนสามารถซื้อบ้าน ซื้อรถได้ไม่ยาก หากไม่มองว่าขยะเป็นงานจุดต่ำของสังคม คนรังเกียจ ไม่ใช่งานสบาย ตรงนี้ต้องเลิกคิด เพราะขยะจะทำให้ชีวิตดีขึ้นในอนาคต สร้างเม็ดเงินเป็นแสนล้านได้ ไม่รวมขยะมูลฝอยซึ่งไม่มีสารพิษ ในการเป็นผู้ผลิตนำขยะมาเป็นพลังงาน มองว่าธุรกิจขยะในไทย จะเติบโตมาก หากรัฐบาลแก้ปัญหาให้ถูกจุด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมอยากให้กระทรวงศึกษา จัดทำหลักสูตรวิชารีไซเคิลให้กับเด็ก.