ครม.สู้ฝุ่นห้ามนำเข้ารถเก่า สั่งเก็บภาษีมอเตอร์ไซค์ใหม่

สกัดคนสูบยาเส้นหนีบุหรี่แพง

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุม ครม.จึงเห็นชอบ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องกำหนดให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ... “กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว โดยการห้ามนำเข้ารถยนต์นั่งที่ใช้แล้วเพื่อใช้เฉพาะตัว เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถแทรกเตอร์เพลาเดียว ส่วนรถยนต์ประเภทอื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแล เช่น รถยนต์ที่ใช้แล้วซึ่งนำเข้าเพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ให้ขออนุญาตกรมศิลปากร ส่วนข้อห่วงใยว่ามาตรการดังกล่าวอาจกระทบต่อข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศเช่นเอกอัครราชทูตที่ประสงค์จะนำรถเก่าเข้ามาใช้เฉพาะตัวนั้น พบว่ามีสัดส่วนเพียง 1.73% เท่านั้น”

ขณะที่เมื่อดูตามประเภทของรถยนต์ที่ต้องห้ามตามพิกัดอัตราศุลกากร ได้แก่ รถแทรกเตอร์เพลาเดียว รถแทรกเตอร์ทางการเกษตร รถโดยสารประจำทางขนาดเล็ก รถโดยสารประจำทาง รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถแข่ง รถดัมพ์ รถกระบะ รถบรรทุกและรถยนต์โบราณที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ส่วนประเภทของรถยนต์ที่ต้องขออนุญาตนำเข้า ได้แก่ รถหัวลาก รถพยาบาล รถเครน และรถดับเพลิง

ขณะเดียวกัน ครม.ยังได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่...) พ.ศ. ...
ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ จากเดิมจัดเก็บตามความจุของกระบอกสูบ เป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนพลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต และไม่ใช่การยกเว้นหรือลดภาษีอากร ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป โดยกำหนดเก็บอัตราภาษีตามมูลค่าตั้งแต่ 1—18%

นอกจากนั้น ครม.ได้เห็นชอบให้ขยายเวลาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ 20% ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 ถึง 30 ก.ย.2563 จากเดิมที่จะปรับขึ้นเป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค.2562 หลังจากอัตราภาษีใหม่ ทำให้ราคาบุหรี่ที่ผลิตภายในประเทศจากโรงงานการยาสูบต้องขายปลีกในระดับราคาเดียวกับบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้โรงงานการยาสูบมียอดขายและกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ครม.ยังเห็นชอบปรับขึ้นภาษียาเส้นจาก 0.05% เป็น 0.1% ด้วย เพื่อควบคุมปริมาณการบริโภคยาเส้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะคนหนีการสูบบุหรี่ที่มีราคาแพงไปสูบยาเส้นแทน ขณะที่ยาเส้นไม่มีก้นกรอง ยิ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ.