ปลัดท่องเที่ยวผวารายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ไปไม่ถึงเป้า 2 ล้านล้านบาท เผย 2 เดือนยังเหลืออีก 370,000 ล้านบาท ถ้าทำได้ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สาเหตุหลักมาจากนักท่องเที่ยวจีนติดลบ ส่วนคนไทยเที่ยวไทยไม่มีปัญหา สร้างรายได้ตามเป้า 1 ล้านล้านบาทได้แน่นอน เผยมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า VOA คงทำให้จีนติดลบน้อยลง แต่อินเดียบวกล้นหลาม
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์นักท่องเที่ยวเดือน ต.ค.2561 ว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย 2.71 ล้านคน หดตัว 0.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการติดลบครั้งแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนในเดือน ต.ค.ที่ลดลง 19.80% ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน ต.ค.อยู่ที่ 141,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.66% เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างเดือน ม.ค.-ต.ค.2561 ได้มาเที่ยวไทยแล้ว 31.25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.84% ขณะที่รวมรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วง 10 เดือน อยู่ที่ 1.63 ล้านล้านบาท แม้จะ เพิ่มขึ้น 9.98% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่น่ากังวลว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะไปไม่ถึงเป้าหมายที่ 2 ล้านล้านบาท
“ตอนนี้ 10 เดือนมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว 1.63 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าจะต้องทำรายได้ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีนี้ให้ได้ 370,000 ล้านบาท หรือเดือนละ 180,000-190,000 ล้านบาท ซึ่งท้าทายมาก เพราะตามปกติรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ 150,000 ล้านบาท ยิ่งมาเห็นผลสำรวจอัตราการจองที่พักล่วงหน้าที่สำรวจตั้งแต่เดือน ก.ย.ไปยัง 3 เดือนข้างหน้า พบว่า เดือน ธ.ค.ติดลบ 0.93% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ฉะนั้นการไปถึงเป้าหมายรายได้ที่ 2 ล้านล้านบาท ดูแล้วยาก ถ้าทำได้ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก”
ส่วนสถานการณ์นักท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทย ในเดือน ก.ย.2561 มีคนไทยเที่ยวในประเทศ 13.44 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.46% สร้างรายได้ 93,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อรวม 9 เดือน คือเดือน ม.ค.-ก.ย.2561 อยู่ที่ 114.82 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 787,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.55% ซึ่งในส่วนของคนไทยเที่ยวในประเทศที่วางเป้าหมายรายได้ตลอดทั้งปีไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท ไม่น่ามีปัญหา เพราะยังเหลือตัวเลขอีก 3 เดือน
นอกจากนั้นยังพบด้วยว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวเมืองรองในเดือน ม.ค.-ก.ย.2561 มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 60.10 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.72% สร้างรายได้ 165,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.88% คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มที่สูงกว่าคนไทยเที่ยวในเมืองหลัก ที่มีจำนวน 102.78 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.66% สร้างรายได้ 622,730 ล้านบาท ฉะนั้นในปี 2561 ถือเป็นปีท่องเที่ยวเมืองรองอย่างแท้จริง โดย จ.น่าน ขยายตัวสูงสุด 13.81% จ.เลย 13.09% และ จ.บุรีรัมย์ 12.08% ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการจัดการแข่งขันรายการมอเตอร์ไซค์ทางเรียบโมโต จีพี ด้วย
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวของวันที่ 1-20 พ.ย.2561 ว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาแล้ว 2.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.52% เป็นนักท่องเที่ยวจีน 441,978 คน ลดลง 17.94% ซึ่งดูแล้วมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ในช่วงเวลาดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa On Arrival (VOA) 229,897 คน ลดลง 2.81% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 160,782 คน ลดลง 7.74%
ส่วนผลที่เกิดขึ้นภายหลังรัฐบาลยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) เริ่มวันที่ 15-20 พ.ย. รวม 5 วัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 6.55% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงนี้ยังไม่เริ่มมาตรการนี้ คือ วันที่ 1-14 พ.ย. จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาติดลบ 2.12% เมื่อเจาะดูเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ช่วง 1-14 พ.ย. ติดลบ 21.44% ส่วนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.เป็นต้นมา แม้ยังไม่มีการกลับมาชัดเจน แต่ติดลบน้อยกว่า 10% เท่ากับมาตรการนี้มีผลระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 15-20 พ.ย.มีนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA มายื่นขอวีซ่า 51,926 คน เพิ่มขึ้น 11.45% แต่ถ้าดูเฉพาะวันที่ 15 พ.ย.วันเดียวมีนักท่องเที่ยวอินเดีย มายื่นขอวีซ่า VOA เพิ่มขึ้น 1.40%
นายพงษ์ภาณุ ยังได้กล่าวถึงการลาออกจากราชการด้วยว่า ได้อยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงท่องเที่ยวฯมา 3 ปี กระทรวงนี้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เปลี่ยนจากกระทรวงเกรดซีมาเป็นเกรดเอแล้ว ขณะที่ตนเองได้รับการทาบทามทำงานในธุรกิจโรงแรม ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี จึงไม่อยากให้ถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ และเพื่อไม่ให้ขัดกับกฎหมายใหม่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กำหนดให้ข้าราชการไม่ควรไปรับงานเอกชนด้วย.