รัฐจัดหนักทุ่มแสนล้านดูแลผู้สูงอายุ ดันสุดลิ่ม!ภาษีที่ดินให้ใช้ได้ในอีก 2 ปี

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รัฐจัดหนักทุ่มแสนล้านดูแลผู้สูงอายุ ดันสุดลิ่ม!ภาษีที่ดินให้ใช้ได้ในอีก 2 ปี

Date Time: 26 ต.ค. 2561 08:41 น.

Summary

  • ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการทำงานของกระทรวงการคลังในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ปีหน้า

Latest

อัปเดต 5 กลยุทธ์ขายของ พิชิตใจคน Gen Z อยากรักษ์โลก แต่ของมันต้องมี แบรนด์รับมืออย่างไร?

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการทำงานของกระทรวงการคลังในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ปีหน้า โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง โดยนายสมคิด กล่าวว่าได้สั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันผู้ถือบัตรฯ ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี มีประมาณ 4 ล้านคน ส่วนที่เหลือมีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทแต่ไม่ถึง 100,000 บาทต่อปี ประมาณ 7 ล้านคน โดยรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณใส่ในกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยปีงบประมาณ 61 ได้ใส่งบประมาณไว้ 46,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 62 จะใส่งบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท โดยตั้งใจว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้นจะนำไปช่วยเหลือผู้สูงอายุทั้งหมด แต่จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ถือบัตรที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปีก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนรายละเอียดของมาตรการได้สั่งการให้ สศค.ไปศึกษาเพิ่ม

ขณะเดียวกันให้กระทรวงการคลังติดตามกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับคือ 1. ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ...ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระ 1 หากไม่มีข้อสงสัย หรือสอบถามเพิ่มเติมก็เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป 2. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Business ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา โดยตนได้กำชับให้กระทรวงการคลังเร่งผลักดันกฎหมายทั้ง 2 ฉบับให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้รายงานที่ประชุมหลังจากขายหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน เพราะแนวโน้มการเติบโตจากรายได้ที่เกิดจากทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถีของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ส่งผลให้มูลค่าการเสนอขาย 44,700 ล้านบาท หรือเท่ากับ 4,470 ล้านหน่วย และพร้อมนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันที่ 31 ต.ค.นี้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ