นางดาเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า คณะทำงานวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ได้จัดทำข้อมูลแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง รวมทั้งนโยบายและมาตรการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในฤดูกาลที่จะถึงในเดือน พ.ย.นี้ เบื้องต้นจะสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อยที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าข้าวนาปรัง ซึ่งสอดคล้องกับโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรังปี 2562 ที่กรมส่งเสริมการเกษตรกำลังดำเนินการ
“จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่า สถิติราคาและผลตอบแทนผลผลิตในช่วงฤดูแล้งปีที่ผ่านมา (ก.พ.-พ.ค.) พบว่าพืชใช้น้ำน้อย ได้แก่ พืชไร่ พืชผัก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพดหวาน และข้าวโพดฝักอ่อน ให้ผลตอบแทนสูงกว่าข้าวนาปรัง ดังนี้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้น 14.5% (มี.ค.-พ.ค.) ราคา 8.42 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เกษตรกรมีรายได้ 8,445 บาทต่อไร่ หรือมีกำไร 2,649 บาทต่อไร่ ข้าวโพดหวานทั้งเปลือก (ก.พ.-เม.ย.) ราคา 7.21 บาทต่อ กก. รายได้ 15,652 บาทต่อไร่ กำไร 8,791 บาทต่อไร่ ข้าวโพดฝักอ่อน (ก.พ.- เม.ย.) ราคา 17.98 บาทต่อ กก. รายได้ 16,464 บาทต่อไร่ คิดเป็นกำไร 11,080 บาทต่อไร่ ขณะที่ข้าวนาปรัง (มี.ค.-พ.ค.) ราคา 7,830 บาทต่อตัน รายได้ 5,293 บาทต่อไร่ กำไร 398 บาทต่อไร่”.