นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อ้อยและน้ำตาลทราย ที่ปรับปรุงจากฉบับเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2527 จึงไม่ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นต้องไม่น้อยกว่า 80% และไม่เกิน 95% ของประมาณการรายได้ที่คำนวณได้ เพื่อไม่ให้ราคาอ้อยขั้นต้นสูงเกินประมาณการรายได้ที่คำนวณได้และราคาอ้อยขั้นสุดท้าย จากเดิมที่กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นเฉพาะขั้นต่ำ แต่ไม่กำหนดขั้นสูงไว้
ส่วนกรณีราคาอ้อยขั้นสุดท้ายต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้น เดิมให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้โรงงาน โดยชาวไร่อ้อยไม่ต้องส่งคืนค่าอ้อยที่ได้รับเกิน แก้ไขเป็นให้นำส่วนต่างไปหักออกจากราคาอ้อยขั้นต้นหรืออ้อยขั้นสุดท้ายในฤดูผลิตปีถัดไป ซึ่งวิธีการนี้จะไม่ขัดกับหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่วนที่มาของเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้แก้ไขโดยยกเลิกเงินกู้ที่ ครม.อนุมัติและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เพื่อเป็นไปตามกรอบของ WTO เช่นกัน และยังแก้ไขเรื่องการกำหนดให้โรงงานนำเงินเข้ากองทุนฯ 2% ของรายได้สุทธิ จากเดิมให้นำเงินเข้ากองทุนฯเท่าจำนวนผลต่างระหว่างรายได้สุทธิกับราคาอ้อยขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ยังปรับปรุงบทกำหนดโทษสำหรับชาวไร่อ้อยที่ปลูกอ้อยโดยไม่ขึ้นทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อย มีโทษปรับเพิ่มขึ้น 4 เท่า คือเป็น 20,000 บาท จากเดิม 5,000 บาท.