ความคืบหน้าความขัดแย้งในครอบครัวไอศกรีม ระหว่างบ้านแม่ “ไผ่ทองไอสครีม” กับบ้านลูกชายคนที่ 6 “ไผ่ทองไอศครีม” ล่าสุดศาลรับฟ้องคดีแรก ส่วนแม่วัย 82 ปี ย้ำเคยรักแต่หมดรักและขอให้ไปใช้ชื่ออื่น
เรื่องราวความรักระหว่างแม่กับลูก ที่สังคมลุ้น และอยากให้จบลงด้วยดี แต่เวลานี้ยิ่งห่างไกล เพราะดูเหมือนว่าสายใยของทั้งคู่ และพี่น้องสิ้นสุดลง และต้องพึ่งศาลตัดสินเท่านั้น โดยมีโจทก์คือนางน้ายเฮียง แซ่ซี ผู้เป็นแม่ และจำเลย คือนายบุญชัย ชัยผาติกุล ลูกชาย
นางน้ายเฮียง แซ่ซี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด ไผ่ทองซีกิมเช็ง เจ้าของแบรนด์ “ไผ่ทองไอสครีม” เปิดใจกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า จากการที่ลูกชายคนที่ 6 ทำธุรกิจไอศกรีมใช้ชื่อแข่งขันกัน ทำให้ต้องฟ้องลูก ตอนนี้ขออย่างเดียวให้เลิกใช้ชื่อเดียวกันก็พอ
เมื่อถามว่ายังรักลูกชายที่ชื่อบุญชัยหรือไม่ นางน้ายเฮียง บอกความรู้สึกที่อัดอั้น สรุปได้ว่า เป็นแม่ก็ต้องรักลูก แต่เมื่อลูกมาด่าว่า ก็ไม่รักแล้ว ตอนนั้นกลุ้มใจมาก น้ำหนักลดไป 10 โล จาก 50 โล เหลือ 40 โล ก็ไม่ไหวแล้ว
นางสาวรตา ชัยผาติกุล ลูกสาวคนเล็กของครอบครัว เปิดเผยว่า นางน้ายเฮียงเดินทางมาจากเมืองซัวเถา ประเทศจีน ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ แต่งงานกับนายกิมเช็ง ทุกวันนี้ไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย และตลอดชีวิตทำงานหนัก หลังนายกิมเช็งเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนก็ดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่ จริงๆ ก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันในครอบครัว หรือเรื่องราวถูกเปิดเผย แต่เมื่อธุรกิจได้รับผลกระทบก็ต้องฟ้องร้อง และออกมาชี้แจง
“ตอนนี้ศาลรับฟ้องคดีแรกแล้ว จากที่ยื่นไป 4 คดี คือปลอมแปลงลายเซ็นแม่ ที่เขียนเป็นภาษาไทย ทั้งที่แม่ไม่เคยมีลายเซ็นภาษาไทย เพื่อเปิดบริษัทที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 คือบริษัทศักดิ์ชัยกิจ จำกัด และปี 2557 ปีที่พ่อเสีย ก็เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไผ่ทองไอสครีม จำกัด” นางสาวรตากล่าวและว่า คดีอื่นๆ ที่รอศาลรับฟ้องที่สำคัญ คือการใช้ตราและชื่อสินค้าเดียวกัน แม้ตัวสะกดต่างกัน ระหว่าง ส กับ ศ แต่ก็ทำให้ลูกค้าสับสนได้ ซึ่งเรื่องนี้พ่อเคยสั่งไว้นานแล้วว่าให้มีชื่อ “กิมเต็ก” ในภาษาจีนหมายถึงไผ่ทองชื่อเดียว อย่าทำแข่งกันเอง และที่สำคัญให้ทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมด้วย
เมื่อถามถึงความรู้สึกของนางน้ายเฮียงว่าเป็นอย่างไรบ้าง นางสาวรตาตอบว่า "แม่สตรองมากค่ะ"
ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งหมดดังกล่าว ต้องรอการพิจารณาของศาลเท่านั้น
ขอบคุณภาพ : ไผ่ทองไอสครีม